สิ่งที่ปรากฏทางใจนั้นมีแต่นาม หรือว่ามีรูปด้วย
โดย chatchai.k  21 ต.ค. 2565
หัวข้อหมายเลข 44838

ถ. สิ่งที่ปรากฏทางใจนั้นมีแต่นาม หรือว่ามีรูปด้วย

สุ. โคจรรูป คือ รูป อันเป็นที่ไปของจิต หรือว่าเป็นอารมณ์ เป็นที่รู้ของจิต มีทั้งหมดด้วยกัน ๗ รูป คือ

สี สิ่งที่ปรากฏทางตานั้น เป็นรูปที่รู้ได้ทางตา

ทางหู เสียง เป็นโคจรรูป เพราะเหตุว่าปรากฏให้รู้ได้ทางหู

กลิ่น เป็นโคจรรูป รู้ได้ทางจมูก

รส เป็นโคจรรูป รู้ได้ทางลิ้น

เย็น ร้อน ธาตุไฟ อ่อน แข็ง ธาตุดิน ตึง ไหว ธาตุลม เป็นรูปที่ปรากฏให้รู้ได้ทางกาย

รวมโคจรรูป รูปที่เป็นอารมณ์ให้จิตรู้ได้ ๗ รูป

ส่วนทางใจ เมื่อรู้รูปทางตา วิถีจิตทางตาดับแล้ว มโนทวารวิถีรับรู้สีที่ปรากฏทางตาต่อ เวลาที่ได้ยินเสียงทางหู จิตทางโสตทวารวิถีดับหมดแล้ว มโนทวารวิถีเกิดขึ้นเป็นจิตที่รับรู้เสียงต่อจากโสตทวารวิถีจิต

เพราะฉะนั้น รูปที่รู้ได้ทางใจ คือ รูปที่รู้ต่อจากทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย คือ โคจรรูปทั้ง ๗ นั้นเอง มีลักษณะจริงๆ ปรากฏให้รู้ได้

สำหรับ รูปารมณ์ สัททารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ ๗ รูป และปสาทรูป ๕ คือ จักขุปสาท โสตปสาท ฆานปสาท ชิวหาปสาท กายปสาท อีก ๕ รูป รวม ๑๒ รูป เป็น โอฬาริกรูป เป็นรูปหยาบ รูปอื่นที่เหลืออีก ๑๖ รูป เป็น สุขุมรูป

ในสุขุมรูป ๑๖ ยังแบ่งอีกว่า รูปใดเป็นสภาวรูป คือ เป็นรูปที่มีลักษณะจริงๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นสุขุมรูป แต่ก็มีลักษณะปรมัตถ์จริงๆ หรือรูปใดไม่มีลักษณะของตนอีกต่างหาก เป็นแต่เพียงวิการ เป็นความวิการ ความอ่อน ความเบา ความควรของรูป หรือว่าเป็น ลักขณรูป คือ อุปจยะ สันตติ ชรตา อนิจจตา คือ ลักษณะที่เริ่มเกิด ลักษณะที่สืบต่อ ลักษณะที่เสื่อม ลักษณะที่ดับของรูปที่เป็นสภาวรูป ซึ่งลักษณะที่เริ่มเกิด ลักษณะที่สืบต่อ ลักษณะที่เสื่อม ลักษณะที่ดับนั้น ไม่ใช่แยกต่างหากจากสภาวรูป

เพราะฉะนั้น ในสุขุมรูป ๑๖ ยังแยกว่า รูปใดเป็นสภาวรูป และรูปใดเป็น อสภาวรูป ซึ่งวิญญัติรูป ๒ วิการรูป ๓ ลักขณรูป ๔ ปริจเฉทรูป ๑ รวม ๑๐ รูป เป็น อสภาวรูป ๑๐


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 179