[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 32 - 35
๗. เรื่องมหาธนวาณิช [๑๐๑]
ขอความเบื้องตน
พระศาสดา เมื่อประทับอยูในพระเชตวัน ทรงปรารภพอคามีทรัพยมาก ตรัสพระธรรมเทศนานี้วา "วาณิโชว ภย มคฺค" เปนตน พอคานิมนตภิกษุ ๕๐๐ เดินทางรวม ดังไดสดับมา พวกโจร ๕๐๐ คน แสวงหาชองในเรือนของพอคา นั้น ไมได (ชอง) แลว โดยสมัยอื่น พอคานั้นบรรทุกเกวียน ๕๐๐ เลม ใหเต็มดวยสิ่งของแลว ใหเผดียงแกภิกษุทั้งหลายวา "เราจะไปสูที่ชื่อ โนนเพื่อคาขาย พระผูเปนเจาเหลาใดประสงคจะไปสูที่นั้น ขอนิมนต พระผูเปนเจาเหลานั้นจงออกไป. จักไมลําบากดวยภิกษาในหนทาง "ภิกษุ ๕๐๐ รูป ฟงคํานั้นแลว ไดเดินทางไปกับพอคานั้น โจรแมเหลานั้น ไดขาววา "ไดยินวา พอคานั้นออกไปแลว" ไดไปซุมอยูในดง ฝายพอคาไปแลว ยึดเอาที่พักใกลบานแหงหนึ่งที่ปากดง จัดแจงโคและเกวียน เปนตนสิ้น ๒-๓ วัน และถวายภิกษาแกภิกษุเหลานั้นเปนนิตยเทียว
พวกโจรใหคนใชไปสืบขาวพอคา พวกโจร เมื่อพอคานั้นลาชาอยู จึงสงบุรุษคนหนึ่งไปดวยสั่งวา "เจาจงไป จงรูวันออก (เดินทาง) ของพอคานั้น แลวจงมา" บุรุษ นั้นไปถึงบานนั้นแลว ถามสหายคนหนึ่งวา "พอคาจักออกไปเมื่อไร" สหายนั้นตอบวา "โดยกาลลวงไป ๒-๓ วัน" ดังนี้แลวกลาววา "ก็ ทานถามเพื่ออะไร"
ทีนั้น บุรุษนั้นบอกแกเขาวา "พวกขาพเจาเปนโจร ๕๐๐ ซุมอยู ในดงเพื่อตองการพอคานั่น."ฝายสหาย กลาววา "ถาเชนนั้น ทานจง ไป พอคาจักออกไปโดยเร็ว" สงบุรุษนั้นไปแลว คิดวา "เราจักหาม พวกโจรหรือพอคาดีหนอ" ตกลงใจวา "ประโยชนอะไรของเราดวย พวกโจร ภิกษุ ๕๐๐ รูป อาศัยพอคาเปนอยู เราจักใหสัญญาแกพอคา" แลวไดไปสูสํานักของพอคานั้น ถามวา "ทานจักไปเมื่อไร" พอคา ตอบวา ในวันที่ ๓" กลาววา "ทานจงทําตามคําของขาพเจา ไดยิน วาพวกโจร ๕๐๐ ซุมอยูในดงเพื่อตองการตัวทาน ทานอยาเพิ่งไปกอน "พอคาถูกสกัดตองพักอยูในระหวางทาง พอคา ทานรูอยางไร
บุรุษสหาย เพื่อนของขาพเจามีอยูในระหวางพวกโจรเหลานั้น ขาพเจารูเพราะคําบอกเลาของเขา
พอคา ถาเชนนั้น ประโยชนอะไรของเราดวยการไปจากที่นี้ เราจักกลับไปเรือนละ
เมื่อพอคานั้นชักชา บุรุษที่พวกโจรเหลานั้นสงมาอีก มาถึงแลว ถามสหายนั้น ไดฟงความเปนไปนั้นแลว ไปบอกแกพวกโจรวา "ได ยินวา พอคาจักกลับคืนไปเรือนทีเดียว" พวกโจรฟงคํานั้นแลว ไดออกจากดงนั้นไปซุมอยูริมหนทางนอกนี้ เมื่อพอคานั้นชักชาอยู โจรเหลานั้นก็สงบุรุษไปในสํานักของสหายแมอีก สหายนั้นรูความที่พวกโจร ชุมอยูในที่นั้นแลว ก็แจงแกพอคาอีก พอคาคิดวา "แมในที่นี่ ความขาดแคลน (ดวยอะไรๆ) ของเราก็ไมมี เมื่อเปนเชนนี้ เราจักไมไปขางโนน ไมไปขางนี้ จักอยูที่นแหละ" ดังนี้แลว ไปสูสํานักของภิกษุทั้งหลาย เรียนวา "ทานผูเจริญไดยินวา พวกโจรประสงคจะปลนผม ซุมอยูริมหนทาง ครั้นไดยินวา บัดนี้พอคาจักกลับมาอีก' (จึงไป) ซุมอยูริมหนทางนอกนี้ ผมจักไมไป ทั้งขางโนนทั้งขางนี้ จักพักอยูที่นี่แหละชั่วคราว ทานผูเจริญทั้งหลาย ประสงคจะอยูที่นี่ก็จงอยู ประสงคจะไป ก็จงไปตามความพอใจของตน" ภิกษุลาพอคากลับไปเมืองสาวัตถี
พวกภิกษุกลาววา "เมื่อเปนเชนนั้น พวกฉันจักกลับ" อําลา พอคาแลว ในวันรุงขึ้น ไปสูเมืองสาวัตถี ถวายบังคมพระศาสดานั่งอยูแลว สิ่งที่ควรเวน
พระศาสดา ตรัสถามวา "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไมไปกับพอคา มีทรัพยมากหรือ" เมื่อพวกภิกษุนั้นกราบทูลวา "อยางนั้น พระเจาขา พวกโจรซุมอยูริมทางทั้งสองขาง เพื่อตองการปลนพอคาผูมีทรัพยมาก เพราะเหตุนั้น เขาจึงพักอยูในที่นั้นแล สวนพวกขาพระองค ลาเขากลับมา" ตรัสวา "ภิกษุทั้งหลาย พอคาผูมีทรัพยมากยอมเวนทาง (ที่มีภัย) เพราะความที่พวกโจรมีอยู บุรุษแมใครจะเปนอยู ยอมเวน ยาพิษอันรายแรง แมภิกษุทราบวา 'ภพ ๓ เปนเชนกับหนทางที่พวกโจรซุมอยู แลวเวนกรรมชั่วเสียควร' ดังนี้แลว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้วา
๗. วาณิโชว ภย มคฺค อปฺปสตฺโถ มหทฺธโน วิส ชีวิตุกาโมว ปาปานิ ปริวชฺชเย. บุคคลพึงเวนกรรมชั่วทั้งหลายเสีย เหมือนพอคามีทรัพยมาก มีพวกนอย เวนทางอันพึงกลัว (และ) เหมือนผูตองการจะเปนอยู เวนยาพิษเสีย ฉะนั้น"
แกอรรถ
บรรดาบทเหลานั้น บทวา ภย ไดแก อันนากลัว อธิบายวา ชื่อวามีภัยเฉพาะหนา เพราะ เปนทางที่พวกโจรซุมอยู ทานกลาวอธิบาย คํานี้ไววา "พอคาผูมีทรัพยมาก มีพวกนอย เวนทางที่มีภัยเฉพาะหนา ฉันใด ผูตองการจะเปนอยู ยอมเวนยาพิษอันรายแรงฉันใด ภิกษุ ผูบัณฑิต ควรเวนกรรมชั่วทั้งหลายแมมีประมาณนอยเสียฉันนั้น" ในกาลจบเทศนา ภิกษุเหลานั้น บรรลุพระอรหัตพรอมดวย ปฏิสัมภิทาทั้งหลาย พระธรรมเทศนาไดเปนประโยชน แมแกมหาชนผูมา ประชุม ดังนี้แล
เรื่องมหาธนวาณิช จบ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น