ได้รับฟังคำบรรยายจากวิทยากร (หากฟังไม่ผิด) ว่าอารมณ์ของภวังคจิตไม่ใช่อารมณ์ที่รู้ได้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ "ทางใจ" จึงขอเรียนถามว่า อารมณ์ของภวังคจิตนั้น เป็นธรรมารมณ์ใช่หรือไม่ครับ
ควรทราบว่า การรับรู้อารมณ์ของจิตแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ รู้ทวารทั้งหก ๑ รู้ที่พ้นจากทวารทั้งหก (ทวารวิมุติ) ๑ ดังนั้นการรับรู้อารมณ์ของจิตตามทวารทั้งหกเป็นการรู้อารมณ์ตามวิถีจิต ส่วนภวังคจิตเป็นจิตที่รู้อารมณ์ ไม่ใช่ทวารทั้งหก เรียกว่าทวารวิมุติคือ พ้นจากทวาร พ้นจากวิถี ไม่ใช่อารมณ์ที่ปรากฏที่ทวารในปัจจุบัน แต่เป็นอารมณ์เดียวกับชวนจิตสุดท้ายก่อนจุติจิตของชาติที่แล้ว หรือ มีอารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิตในชาตินี้ ดังนั้น อารมณ์ของภวงคจิตก็คือ สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะและธัมมารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งของชาติที่แล้วนั่นเอง.
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
สรุปได้ว่า อารมณ์ 6 นั้น เป็นอารมณ์ของวิถีจิตและวิถีมุตจิต ไม่มีสิ่งอื่นที่เป็นอารมณ์ของจิตได้ นอกเหนือจาก รูปารมณ์ สัทารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ โผฐัพพารมณ์ และธัมมารมณ์ (หากมีความเห็นไม่ตรงกรุณาแก้ไขครับ)
จากการศึกษา ผมเข้าใจว่าอารมณ์ที่เป็นโคจรรูป 7 รูปนั้น รู้ได้ทางปัญจทวารและทางมโนทวารวาระแรกที่เกิดต่อจากปัญจทวาร จึงอยากขอคำอธิบายเพิ่มเติมว่ารูปเหล่านี้เป็นอารมณ์ของจุติจิต ปฏิสนธิจิต และ ภวังคจิตได้อย่างไร ในเมื่อรูปเหล่านั้นดับไปนานแล้ว
ขอบคุณและขออนุโมทนาคำตอบครับ
แม้รูปจะดับไปนานแล้วก็ตาม เป็นธรรมดาของภวังคจิตที่จะหน่วงอารมณ์นั้น เป็นอารมณ์ของตน
ขออนุโมทนาค่ะ
ภวังคจิต ทำหน้าที่ดำรงรักษาภพชาติ เช่น เป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ไปจนตายค่ะ