...คำตอบของชีวิต ๑๘ _ ไม่มีใครทำกรรมให้
โดย chaiyut  4 พ.ย. 2550
หัวข้อหมายเลข 5375

...มีแต่ผลของกุศลกรรมและอกุศลกรรมที่ถึงกาลให้ผล

การที่เราจะเข้าใจสิ่งที่กล่าวมาแล้วนี้ ก็ต่อเมื่อได้ศึกษาเรื่องของจิต : กุศลจิต อกุศลจิต วิบากจิตและกิริยาจิตอย่างละเอียด พระพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงว่าขณะที่เราประสบความสุข หรือความทุกข์ทางกายนั้นแท้จริงแล้วไม่มีใครมาทำให้ แต่เป็นเพราะกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้แล้วนั่นเองให้ผล ดังนั้น เมื่อใดที่เราประสบกับความทุกข์ทางกายเช่น ถูกทำร้าย หรือขณะได้ยินเสียงที่ไม่น่าพอใจ เช่น ถูกดุด่า ว่าร้าย ถ้าเรารู้ความจริงว่าเป็นผลของกรรมหนึ่งที่เราได้เคยทำไว้แล้ว กล่าวคือเราได้เคยทำร้ายคนอื่น ได้เคยว่าคนอื่นไว้ แล้วเราจะโกรธใคร เราไม่ควรโกรธเคืองผู้ที่มาทำร้ายเรา เพราะโดยความเป็นจริงแล้ว อกุศลกรรมเก่าของเรานั่นเองที่มาทำร้ายเรา ดังเรื่องที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้นทั้งสองเรื่อง เพราะโดยสภาพธรรมแล้วไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล มีแต่จิต เจตสิก รูป เท่านั้น

“เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสภาพธรรมทั้งปวงแล้ว ทรงเทศนาสั่งสอนพุทธบริษัทให้รู้ว่า สภาพธรรมทั้งปวงนั้นไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคลแต่เป็นปรมัตถธรรม คือ เป็นสภาพธรรมที่มีลักษณะเฉพาะแต่ละอย่างๆ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ได้ สภาพธรรมนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ดังที่พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมแก่ท่านพระอานนท์ว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว มีแล้ว ปัจจัยปรุงแต่แล้วมีความทำลายเป็นธรรมดา” การหลงยึดสภาพธรรมทั้งหลายว่า เป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลนั้นอุปมาเหมือนคนเดินทางในที่ซึ่งย่อมเห็นเหมือนกับว่า มีเงาน้ำอยู่ข้างหน้าแต่เมื่อเข้าไปใกล้ เงาน้ำก็หายไป เพราะแท้จริงหามีน้ำไม่ เงาน้ำที่เห็นเป็นมายา เป็นภาพลวงตาฉันใด การเข้าใจผิดว่าสภาพธรรมทั้งหลายเป็นตัวตนเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เพราะความไม่รู้ เพราะความจำ เพราะความยึดถือก็ฉันนั้น…”

“…ปรมัตถธรรม มี ๔ ประเภท ได้แก่ จิต เป็นสภาพที่เป็นใหญ่ในการรู้สิ่งที่ปรากฏ เช่น เห็น ได้ยิน เป็นต้นจิตทั้งหมดมี ๘๙ ประเภท หรือ ๑๒๑ ประเภทโดยพิเศษ เจตสิก เป็นสภาพธรรมอีกประเภทหนึ่งที่เกิดร่วมกับจิต รู้สิ่งเดียวกับจิต ดับพร้อมกับจิต และเกิดที่เดียวกับจิต เจตสิกแต่ละเจตสิกมีลักษณะและกิจต่างกันตามประเภทของเจตสิกนั้นๆ เจตสิกทั้งหมดมี ๕๒ ประเภท เช่นความรัก ความโลภ ความเมตตา ความตระหนี่ เป็นต้น รูป เป็นสภาพที่ไม่ใช่สภาพรู้ ได้แก่ สี กลิ่น รส เย็น ร้อน ฯลฯ รูปทั้งหมดมี ๒๘ ประเภท นิพพาน เป็นธรรมที่ดับกิเลส ดับทุกข์ นิพพานไม่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้น นิพพานจึงไม่เกิดดับ”

ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...

กรรมคำตอบของชีวิต

อ่านหนังสือ กรรม...คำตอบของชีวิต คลิก --> ที่นี่



ความคิดเห็น 1    โดย แมวสีฟ้า  วันที่ 16 พ.ย. 2550

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว ทรงประกาศสัจธรรมแล้ว ทรงชี้ทางดับทุกข์แล้ว....ก็แล้วแต่ว่า ตนจะเป็นที่พึ่งแห่งตน ได้แค่ไหน.
ขออนุโมทนา.


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 17 ต.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ