[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 263
เถราปทาน
สกจิตตนิยวรรคที่ ๗
อัมพทายกเถราปทานที่ ๘ (๖๘)
ว่าด้วยผลการถวายมะม่วงสุก
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 263
อัมพทายกเถราปทานที่ ๘ (๖๘)
ว่าด้วยผลการถวายมะม่วงสุก
[๗๐] พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าอโนมทัสสี ผู้ไม่มีมีอุปธิ ประทับนั่งอยู่ ณ ระหว่างภูเขา ได้ทำการแผ่เมตตาไปในโลก อันมีสัตว์หาประมาณมิได้.
ในกาลนั้น เราเป็นพญาวานรอยู่ที่ภูเขาหิมวันต์อันสูงสุด ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้มีพระคุณไม่ทราม ผู้ยิ่งใหญ่ จึงยังจิต ให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า.
เวลานั้นต้นมะม่วงกำลังเผล็ดผล มีอยู่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ เราได้ไปเก็บผลมะม่วงสุกจากต้นนั้นมาถวายพร้อมด้วยน้ำผึ้ง.
พระมหามุนีพุทธเจ้าพระนามว่าอโนมทัสสี ทรงพยากรณ์ เรานั้นว่า ด้วยการถวายน้ำผึ้ง และด้วยการถวายน้ำมะม่วง ทั้งสองนี้ ผู้นี้จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอด ๕๗ กัป ในกัป ทั้งหลายที่เหลือ จักท่องเที่ยวสับเปลี่ยนกันไป.
จักใช้กรรมอันลามกให้สิ้นแล้ว เมื่อความเจริญสุกงอม จักมาจากทุคติมีนิบาตเป็นต้นแล้ว จักเผากิเลสให้ไหม้ หมดไป.
เราเป็นผู้อันพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้แสวงหาคุณยิ่งใหญ่ ทรง ฝึกแล้วด้วยการฝึกอันอุดม เราเป็นผู้ละความชนะและความ แพ้แล้ว บรรลุถึงฐานะอันไม่หวั่นไหว.
ในกัปที่ ๗,๗๐๐ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๔ ครั้ง ทุก ครั้งมีพระนามว่าอัมพัฏฐชยะ มีพละมาก.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 264
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราได้ทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระอัมพทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.
จบอัพทายกเถราปทาน
๖๘. อรรถกถาอัมพทายกเถราปทาน
อปทานของท่านพระอัมพทายกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า อโนมทสฺสี ภควา ดังนี้.
พรเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า อโนมทัสสี บังเกิดในกำเนิดแห่งวานร ได้เป็นพญาลิงอาศัยเจ้าในป่าหิมพานต์. สมัย พระผู้มีพระภาคเจ้าพระ นามว่า อโนมทัสสี ได้เสด็จไปป่าหิมพานต์เพื่ออนุเคราะห์แก่ท่าน. ลำดับนั้น พญาลิงนั้นเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว มีใจเลื่อมใส ได้ถวาย ผลมะม่วงมีรสอร่อยดี พร้อมน้ำผึ้งเล็กน้อย. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อท่านกำเฝ้าอยู่แล ได้เสวยสิ่งทั้งหมดนั้น แล้วตรัส อนุโมทนาแล้วเสด็จหลีกไป. ลำดับนั้น ท่านมีหทัยเพียบพร้อมด้วยโสมนัส ดำรงอยู่จนตลอดอายุ เพราะมีปีติและโสมนัสนั้นนั่นเอง จุติจากอัตภาพ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 265
นั้นแล้ว บังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสุข ไปๆ มาๆ ในเทวโลกนั้น และเสวยมนุษยสมบัติในมนุษย์ทั้งหลาย ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดใน เรือนมีตระกูลอันสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ เลื่อมใสในพระศาสดา บวช แล้วไม่นานนักก็บรรลุอภิญญา ๖ ท่านปรากฏตามนามแห่งบุญที่บำเพ็ญไว้ ในกาลก่อนว่าอัมพทายกเถระ ดังนี้.
ครั้นต่อมา ท่านได้เห็นพืชแห่งกุศลที่คนบำเพ็ญมา เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทานของตน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า อโนมทสฺสี ภควา ดังนี้. บทว่า เมตฺตาย อผริ โลเก อปฺปมาเณ นิรูปธิ ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงมีเมตตา คือมีจิตประกอบด้วย เมตตา ทรง นำสัตว์โลกทั้งปวง คือสัตว์หาประมาณมิได้ ให้ปราศจากอุปธิกิเลสคือให้ เว้นจากอุปธิกิเลส โดยนัยมีอาทิว่า ขอสัตว์ทั้งหลายจงมีความสุข แล้วแผ่ คือแผ่ออกเจริญด้วยเมตตาคือเมตตาจิต. บทว่า กปิ อหํ ตถา อาสึ ความว่า ในกาลนั้นคือในกาลที่พระองค์เสด็จมา เราได้เป็นพญาลิง.
จบอรรถกถาอัมพทายกเถราปทาน