เมื่อเราไปปฏิบัติธรรม สถานที่ปฏิบัติธรรมก็จะสอนให้ใช้คำบริกรรมต่างๆ เช่น ยุบหนอ พองหนอ พุทโธ หรือสัมมาอะระหังบ้าง เพื่อให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ เรามีความจำป็นต้องใช้คำบริกรรมต่างๆ นี้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ในพระไตรปิฎก พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมแก่พุทธบริษัท เพื่อการเข้าใจตามความเป็นจริง ทรงแนะนำสาวกตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ด้วยการแสดงพระธรรมโดยนัยต่างๆ แต่ไม่ปรากฏว่า ให้สาวกใช้คำบริกรรม ... (ที่ท่านยกตัวอย่างมา)
ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นที่สุด คือการศึกษาพระธรรมคำสอนให้เข้าใจ ถ้าขาดความเข้าใจพระธรรมคำสอนแล้ว แม้จะใช้คำบริกรรมใดๆ ย่อมไม่เกิดประโยชน์อันใดเลย แต่ถ้าศึกษาพระธรรมที่แสดงความจริงจนเข้าใจ ย่อมค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏแม้ไม่ต้องใช้คำบริกรรม
ในพระไตรปิฎกไม่มีสอนให้ใช้คำบริกรรม แต่ปัจจุบันตามสถานที่สอนปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานให้ตามรู้ฐานทั้ง ๔ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน เช่น เวลานั่งสมาธิ ให้รู้ตามอาการของท้องที่พองว่าพองหนอ และอาการที่ยุบ ว่ายุบหนอ ตามความเป็นจริง ถือว่าเป็นสติหรือไม่
คิดง่ายๆ นะครับ ว่าคำบริกรรมนี้ ถ้าเด็กท่องได้ แล้วจิตของเด็กก็ตั้งมั่นได้ ถ้าอย่างนั้นพระธรรมของพระพุทธเจ้าจะง่ายอย่างนั้นหรือไม่ ขอให้ไตร่ตรองพิจารณาด้วยเหตุและผลครับ เพราะว่าใครก็จะหลอกเราไม่ได้ ถ้าเราเกิดความเห็นถูก คือปัญญา เป็นเกราะกันความเห็นผิดจากผู้อื่นครับ
ขออนุโมทนาครับ
เราไม่มีความจำเป็นต้องใช้คำบริกรรม เพราะทุกอย่างต้องมีเหตุผล เราบริกรรมด้วยความไม่รู้เพราะทำตามเขา ผลก็คือสะสมความเห็นผิด
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม และสาวกก็แปลว่า ผู้ฟัง ถ้าไม่อาศัยการฟังธรรมะ ปัญญาจะเกิดได้อย่างไร ในขั้นแรกขอให้ฟังธรรมะที่ท่านอาจารย์สุจินต์บรรยายไปก่อนค่ะ
อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 2 โดย oom
ในพระไตรปิฎกไม่มีสอนให้ใช้คำบริกรรม แต่ปัจจุบันตามสถานที่สอนปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานให้ตามรู้ฐานทั้ง ๔ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน เช่น เวลานั่งสมาธิให้รู้ตามอาการของท้องที่พอง ว่าพองหนอ และอาการที่ยุบ ว่ายุบหนอ ตามความเป็นจริง ถือว่าเป็นสติหรือไม่
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ก่อนอื่นต้องรู้จักคำว่าสติก่อนครับ สติในภาษาไทยที่เราใช้กัน เช่น รู้ว่ากำลังทำอะไร เป็นสติ เป็นต้นแต่ความเป็นจริงแล้ว สติเป็นธรรมฝ่ายดี เกิดกับกุศลจิต เป็นต้นครับ ดังนั้น การรู้ว่าทำอะไร เช่น รู้ว่าเดิน รู้ว่ายุบ พอง ไม่ได้หมายถึงสติ แต่ขณะนั้นมีความต้องการที่จะทำ จดจ้องในขณะที่พอง ยุบไหม ความต้องการไม่ใช่สติครับ เป็นโลภะ ดังนั้น เราจึงต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนครับ ไม่เช่นนั้นก็แยกไม่ออกระหว่างหนทางถูกและผิด แม้แต่คำว่าสติก็ต้องศึกษาให้เข้าใจครับ
เชิญคลิกฟังที่นี่ครับ ...
ขณะที่สติเกิด เป็นไปในทางที่ดี
สติเป็นไฉน
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขณะที่กำลังบริกรรมอยู่อย่างนั้น มีความเข้าใจอะไรเกิดขึ้นบ้างคะ
ขณะบริกรรม เท่าที่เคยปฏิบัติมาจากประสบการณ์ตัวเอง จิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิชั่วขณะ บางครั้งก็ระลึกได้ บางครั้งก็หลงลืม สลับไปมาตลอด เพราะไม่สามารถบังคับได้
อนุโมทนาค่ะ และจริงๆ แล้วคำว่า บริกรรม ตามพระไตรปิฎกหมายความว่าอย่างไรคะ
บริกรรม แปลว่า ปรุงแต่งให้เกิด เช่น ในฌานวิถี ถ้าบริกรรมไม่เกิด จิตขณะต่อไปจนกระทั่งถึงอัปปนาจิตก็จะเกิดไม่ได้
คำว่า บริกรรม ภาษาบาลี คือ ปริกมฺม แปลว่า การกระทำรอบ อันนวด การนวด การบริกรรม ในภาษาไทย บริกรรม เป็นคำกิริยา หมายถึง ท่องบ่น เสกเป่า ตกแต่ง กำหนดใจ นวดฟั้น ฉาบทา แต่ถ้าบริกรรม ในฌานวิถี มรรควิถี หมายถึง ปรุงแต่งให้เกิด ...
ตั้งแต่ดิฉันได้ฟังธรรมที่มูลนิธิฯ และจากวิทยุ ได้อ่านข้อความจากบ้านธัมมะ ทำให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากขึ้น ดีใจที่มีความเห็นถูก ซึ่งในอดีตดิฉันก็ไปปฏิบัติตามสำนักต่างๆ มากมาย จากประสบการณ์ที่ได้ปฏิบัติมา และมาฟังที่ท่านอ.สุจินต์ ทำให้รู้ตัวว่าเราหลงผิดมานาน แต่ก็คงได้อานิสงส์ จากการไปปฏิบัติในแต่ละครั้ง ที่ได้รักษาศีล ๘ ได้ครบทุกข้อ จึงทำให้ได้มาฟังธรรมและมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จึงขอแนะนำให้ทุกท่านฟังธรรมมากๆ ทุกอย่างเป็น ธรรมะ และเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ความเข้าใจถูก ย่อมเป็นปัจจัยให้ปฏิบัติถูกต้อง แม้แต่การรักษาก็รู้เพื่อละคลายกิเลส ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่ถ้าเข้าใจหนทางผิด สิ่งอื่นๆ ก็ผิดไปด้วย แม้การรักษาศีลก็ไม่ใช่ เพื่อละคลายกิเลส ดังนั้นการอบรมปัญญา ความเข้าใจถูกจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะทำให้สิ่งต่างๆ เข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริงครับ
ดังนั้น อานิสงส์ของหนทางผิดคือคามเข้าใจผิด รู้ผิด อานิสงส์ของหนทางถูกคือความเข้าใจถูก รู้ถูก ครับ
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
สวัสดีครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ