[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 358 - 359
๗. กถาวัตถุสูตร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลพึงรู้กันได้ด้วยกถาสัมปโยค ว่าจะเป็นบุคคลมีอุปนิสัยปัจจัย หรือเป็นบุคคลไม่มีอุปนิสัยปัจจัย ผู้ไม่เงี่ยโสต (คอยฟัง) เป็นบุคคลไม่มีอุปนิสัยปัจจัย ผู้เงี่ยโสต (คอยฟัง) เป็นบุคคลมีอุปนิสัยปัจจัย
บุคคลนั้นเป็นผู้มีอุปนิสัยปัจจัย ย่อมรู้ยิ่งเห็นจริงซึ่งธรรมอันหนึ่ง ย่อมกำหนดรู้ซึ่งธรรมอันหนึ่ง ย่อมละซึ่งธรรมอันหนึ่ง ย่อมทำให้แจ้งซึ่งธรรมอันหนึ่ง เมื่อรู้ยิ่งเห็นจริงซึ่งธรรมอันหนึ่ง กำหนดรู้ซึ่งธรรมอันหนึ่ง ละซึ่งธรรมอันหนึ่ง ทำให้แจ้งซึ่งธรรมอันหนึ่ง ย่อมถึงวิมุตติโดยชอบ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การพูดกันมีอันนี้เป็นประโยชน์ การปรึกษากันมีอันนี้เป็นประโยชน์ อุปนิสัยปัจจัยมีอันนี้เป็นประโยชน์ การเงี่ยโสตมีอันนี้เป็นประโยชน์ อันนี้คืออะไร คือ ความหลุดพ้นแห่งจิตเพราะไม่ยึดถือ
[เล่มที่ 53] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้า 303 - 304
พระสังคีติกาจารย์เมื่อจะสรรเสริญพระอานนทเถระ ได้รจนาคาถา ๓ คาถา ความว่า
พระอานนท์เถระเป็นพหูสูต ทรงธรรม เป็นผู้รักษา คลังพระธรรมของพระพุทธเจ้า ผู้ทรงแสวงหาพระคุณอัน ยิ่งใหญ่ เป็นดวงตาของโลกทั่วไป ปรินิพพานไปเสียแล้ว พระอานนทเถระเป็นพหูสูต ทรงธรรม เป็นผู้รักษาคลัง พระธรรมของพระพุทธเจ้า ผู้ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นดวงตาของชาวโลกทั่วไป เป็นผู้กำจัดความมืดมนที่ เป็นเหตุทำให้เป็นดังคนตาบอดได้แล้ว พระอานนทเถระ เป็นผู้มีคติ มีสติ และธิติ เป็นผู้แสวงคุณ เป็นผู้ทรงจำ พระสัทธรรมไว้ได้ เป็นบ่อเกิดแห่งรัตนะ.
พระอานนท์เถระ ก่อนแต่นิพพานได้กล่าวคาถา ความว่า
เรามีความคุ้นเคยกับพระศาสดา เราทำคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว ปลงภาระหนักลงแล้ว ถอน ตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพได้แล้ว.
จบอานันทเถรคาถาที่ ๓
อ.อรรณพ: กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ เมื่ออกุศลยังมี แม้กระทั่งการกล่าวพระพุทธพจน์ พระพุทธวจนะ เราก็มากล่าว แต่ว่า การที่สะสมมาที่จะกล่าวไปด้วยจิตที่เป็นอกุศล เช่น โลภะ หรือโมหะ คือรวมความว่ากล่าวไปด้วยจิตที่ปราศจากสติ แม้ธรรมที่เราจำเราก็อาจจะพูดวนไปวนมาซ้ำๆ อย่างนี้ครับ หรืออะไรก็แล้วแต่ แม้คำที่กล่าวนั้นเป็นคำที่ถูกต้องก็ตามครับ
สำหรับพวกเราก็ยังมีกิเลสอกุศลอย่างนี้อยู่ เพราะฉะนั้น ในการกล่าวธรรมนี่ก็มีส่วนที่กล่าวไปด้วยความปราศจากสติเช่นนี้อยู่เสมอครับท่านอาจารย์ แม้ว่าจะมีส่วนที่กล่าวด้วยความเข้าใจกล่าวด้วยความเคารพสลับบ้างก็ตาม กราบท่านอาจารย์ในความละเอียดตรงนี้ที่จะได้อาศัยถ้อยคำท่านอาจารย์ที่จะขัดเกลาในการที่จะกล่าวไปด้วยกล่าวข้อความธรรมไปด้วยจิตที่ปราศจากสติ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เพื่อเข้าใจ ขณะนั้นใช่ไหม? เพราะขณะที่เป็นอกุศลก็เป็นธรรม ไม่ลืมเลย ทั้งหมดเพื่อเข้าใจธรรม เพื่อเข้าใจสิ่งที่ปรากฏไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามให้ถูกต้องว่า เป็นสิ่งที่มีจริงที่เกิดแล้วตามเหตุตามปัจจัย จึงเป็นธรรมที่จะต้องประจักษ์แจ้ง ทุกคำที่พูดเพื่อที่จะประจักษ์แจ้งสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง มิฉะนั้น การศึกษาก็เป็นโมฆะ
อ.อรรณพ: ทีนี้ในระหว่างการอบรมเจริญกุศล อบรมเจริญปัญญาท่ามกลางอกุศลที่เยอะเยะ อกุศลที่สะสมไว้ในจิตก็มีเหตุปัจจัยให้เกิดนะครับ จะไปทำไปอะไรก็ไม่ได้ เพราะว่าเป็นไปตามปัจจัย อุปนิสยปัจจัยที่สะสมอกุศลอย่างนั้นมา ก็เป็นผู้ที่แม้จะกล่าวคำในธรรมนะครับ ก็กล่าวด้วยความหลงลืมสติอยู่ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ขณะนั้นก็ต้องรู้ความจริงของขณะที่หลงลืมสติ
อ.อรรณพ: เพราะฉะนั้น ก็รวมความว่า เข้าใจในความเป็นธรรมที่เกิดจากเหตุปัจจัย แม้ในขณะที่มีอุปนิสัยที่ยังกล่าวธรรมไปด้วยความหลงลืมสติ แต่ก็มีคำเตือนว่า แม้มีการหลงลืมแล้วกล่าวไปอย่างนั้น ก็ควรที่จะรู้ตามความเป็นจริงในอกุศลที่หลงลืม แล้วกล่าวบ่นเพ้อไป เช่นนี้ใช่ไหมครับ
ท่านอาจารย์: ถ้าไม่รู้ จะเข้าใจอกุศลขณะนั้นไหม?
อ.อรรณพ: ไม่เข้าใจครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ศึกษาธรรมเพื่อเข้าใจธรรม
อ.อรรณพ: แม้ธรรม คืออกุศลที่ปราศจากสติ แล้วก็บ่นเพ้อใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้น ตรงนี้ก็ละเอียดมากที่ว่าจะไปสกัดกั้นอุปนิสัยที่สะสมอกุศลมาที่จะให้กล่าวธรรมด้วยกุศลด้วยสติอย่างมั่นคงอย่าง ท่านพระอานนท์ นี่ครับ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีสติในการกล่าวพระธรรม
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ท่านพระอานนท์ท่านรู้ธรรมทั้งหมด จึงกล่าวถึงธรรมได้ทั้งหมด
อ.อรรณพ: ครับ ด้วยสติสัมปชัญญะ
ท่านอาจารย์: ด้วยความเข้าใจธรรม
อ.อรรณพ: ครับ มิได้กล่าวด้วยความหลงลืมสติ
ท่านอาจารย์: ไม่ใช่ว่า ไม่เข้าใจแล้วพูด
อ.อรรณพ: เพราะฉะนั้น แม้พวกผมทั้งหลายพอมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่ว่า ความหลงลืมสติก็เยอะ การกล่าวธรรมด้วยความหลงลืมสติก็มี ซึ่งก็ห้ามไม่ได้ ผมก็เข้าใจที่ท่านอาจารย์ ...
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ต้องไม่ลืมคาถา คำที่ว่า ศึกษาธรรมเพื่อเข้าใจธรรม
อ.อรรณพ: แม้ธรรมนั้น จะเป็นธรรมใดก็ตาม แม้ธรรมนั้นจะเป็นอกุศลที่เกิด ก็เข้าใจในความเป็นอกุศลธรรมนั่นแหละเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ขั้นฟังขั้นพิจารณาครับ อันนี้ก็เป็นประโยชน์เกื้อกูลครับว่า จะไปทำอะไรก็ไม่ได้ครับ
ขอเชิญอ่านได้ที่..
ทำไมอุปนิสัยจึงต่างกัน
ผู้ถึงพร้อมด้วยที่อาศัย [นิสสยสูตร]
เรื่องของ ... อุปนิสสัย
ขอเชิญคลิกฟังได้ที่..
อกุศลจิตที่เกิดขึ้นมาจากไหน
ปัจจัยที่ ๙ อุปนิสสยปัจจัย
ทบทวนปัจจัย - อุปนิสสยปัจจัย
ขอเชิญฟังคลิปวีดิโอ..
อุปนิสสยะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ