ในกระทู้ เกิดในอรูปพรหมภูมิ ไม่มี อายตนะ 5 แล้วกรรมจะให้ผลอย่างไร ความคิดเห็นที่ 8 กระผมได้ร่วมแสดงความคิดเห็น และตั้งคำถามไว้เป็นใจความว่า อรูปพรหมภูมิมีสถานที่อยู่ในที่ใดที่หนึ่งอย่างที่ภาษา ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า กินเนื้อที่ กินเวลา อย่างนั้นหรือเปล่า หมายความว่า อรูป พรหมภูมินั้นขณะนี่มีอยู่แล้ว ณ สถานที่แห่งหนึ่ง เหมือนดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ต่างๆ ก็มีอยู่แล้วในเวานี้ ณ ที่แห่งหนึ่ง หรือว่าภพภูมิเหล่านี้เป็นเพียงคุณภาพของจิต ชนิดหนึ่ง
กระผมขอขยายความอีกนิดว่า เหมือนอย่างโลกุตตรภูมิ คนที่บรรลุธรรมเป็น โสดาบัน ตลอดไปจนถึงเป็นพระอรหันต์ ร่างกายก็ยังอยู่ในภูมิมนุษย์นี่เอง เพียงแต่ ระดับจิตหรือคุณภาพของจิตเท่านั้นที่จัดอยู่ในโลกุตตรภูมิ
พรหมภูมิก็เป็นเช่นเดียวกันนี้แหละ เป็นเพียงระดับจิตของคนที่ได้ฌานสมาบัติอยู่ ในภูมิมนุษย์นี่เอง ไม่ได้แปลว่ามีสถานที่อยู่แห่งหนึ่ง ใครได้ฌานสมาบัติตายไปก็จะไป อุบัติในภพภูมินั้น
หรือว่าจริงๆ แล้วเป็นอย่างไรกันแน่ครับ ปัญหาที่กระผมถามไปนี้ยังไม่มีคำตอบเลยครับ ตอนนี้กระทู้หัวข้อนั้นก็ไม่ได้ update แล้ว คำถามนั้นก็คงลืมกันไป จึงขออนุญาตยกมาตั้งเป็นกระทู้ใหม่ครับ ขอ ความกรุณาท่านผู้รู้ได้โปรดไขข้อข้องใจด้วย หรือจะชี้แนะให้ไปอ่านกระทู้เก่า (ถ้าเคยมี คำตอบเรื่องนี้ไว้แล้ว) ก็ได้ครับ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ภูมิ หมายถึง ที่เกิดของเหล่าสัตวก็ได้ หรือ ภูมิ หมายถึงภูมิของจิต ระดับของจิตที่ เกิดก็ได้ครับ เช่น รูปาวจรจิต ก็เป็นรูปาวจภูมิ เป็นระดับของจิต เป็นต้น ในส่วนของ คำถามในเรื่องอรูปพรหมภูมินั้น ผู้ที่อบรมได้ฌาน ถึงฌานที่ ๕ ฌาน ๖ ฌาน ๗ ฌาน ที่ ๘ ขณะที่เป็นจิตนั้นก็เป็นภูมิของจิต แต่เมื่อบุคคลนั้น อบรมฌานไม่เสื่อม ก็ไปเกิด ในอรูปพรหมภูมิ ซึ่งก็ต้องมีภพที่อยู่ของเหล่าสัตว์ที่เกิดในอรูปพรหมด้วยครับ แม้เหล่า สัตว์จะไม่เห็น จะไม่ไ่ด้ยินก็ตามเพราะไม่มีรูปคือ ตา หู ... คือไม่มีรูปเลย จะรู้หรือไม่รู้ก็ ตามแต่ก็มีภูมิที่เป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์คือ อรูปพรหมครับ ดังในพระไตรปิฎกที่แสดง ถึงเหล่าสัตว์ที่เรียกว่าเป็นเทวดา นั่นก็คือ อรูปพรหม และข้อความยังแสดงว่าเมื่อ คราว กาฬเทวิลดาบสผู้ที่ได้ฌาน ๘ ท่านเห็นอนาคตว่าท่านจะไม่ได้พบพระพุทธเจ้า ท่านต้องสิ้นชีวิตเสียก่อน และจะไปเกิดในอรูปภพ นั่นแสดงว่ามีภพ มีที่อยู่ของเหล่า สัตว์ที่เกิดในอรูปพรหมครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ...
ภูมิ ๒ ความหมาย
อรูปพรหมภูมิ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๑ - หน้าที่ 114
พระดาบสระลึกได้ ๘๐ กัป คือในอดีต ๔๐ กัป ในอนาคต ๔๐ กัป เห็นลักษณะสมบัติของพระโพธิสัตว์แล้วรำพึงว่า เธอจักได้เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่หนอ จึงใคร่ครวญดูรู้ว่า จักได้เป็นพระพุทธเจ้าโดยไม่ต้อง สงสัย จึงได้กระทำการยิ้มแย้มอันเป็นเหตุให้รู้ว่า พระราชบุตรนี้เป็น อัจฉริยบุรุษ แต่นั้นจึงใคร่ครวญดูว่า เราจักได้เห็นอัจฉริยบุรุษผู้นี้เป็น พระพุทธเจ้าหรือไม่หนอ ได้เห็นว่าเราจักไม่ได้ทันเห็น จักตายเสียใน ระหว่างนั้นแหละ จักบังเกิดในอรูปภพที่พระพุทธเจ้าร้อยองค์ก็ดี พันองค์ ก็ดี ไม่อาจเสด็จไปให้ตรัสรู้ได้ แล้วคิดว่า เราจักไม่ได้ทันเห็นอัจฉริยบุรุษชื่อผู้เห็นปานนี้เป็นพระพุทธเจ้า เราจักมีความเสื่อมอย่างมหันต์หนอ จึงได้ร้องไห้แล้ว.
และแม้ท่านอุททกดาบสที่ได้ฌาน 8 เคยสอนพระโพธิสัตว์ เมื่อพระพุทธตรัสรู้แล้ว และพิจาณาว่าจะโปรดใครก่อน ทรงพิจารณาถึงอุททกดาบส รู้ว่าท่านสิ้นชีวิตไป เมื่อวาน ไปเกิดในเนวสัญญานาสัญญายตนภพ นั่นแสดงว่าผู้ที่เกิดเป็นอรูปพรหมย่อม มีภพที่อยู่ของเหล่าสัตว์ที่เป็นอรูปพรหมครับ
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 460
บทว่า อภิโทสกาลกโต คือ กระทำกาละ เสียแล้วเมื่อเที่ยงคืน.
บทว่า าณญฺจ ปน เม ได้แก่ พระสัพพัญญุตญาณ ก็เกิดขึ้นแล้วแม้แก่เรา. นัยว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ทรงตกลงพระทัยตามคำของเทวดา ทรงตรวจดูด้วยพระสัพพัญญุตญาณ ก็ทรงเห็นว่า อุททกดาบสรามบุตร กระทำกาละเสียเมื่อเที่ยงคืนวานนี้ บังเกิดในเนวสัญญานาสัญญายตนภพ. เพราะฉะนั้น จึงตรัสอย่างนี้.
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ
อรูปพรหมภูมิ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
อ่านความคิดเห็นที่ 1 และตามไปดูตามคำชี้แนะของความคิดเห็นที่ 2 แล้วครับ ขอบพระคุณมาก แต่ยังไม่สว่างใจ 100% กระผมขออนุญาตแสดงความเข้าใจของตัว เองเป็นการเพิ่มเติม ให้ท่านผู้รู้ช่วยตัดสิน ดังนี้ครับ
เทวภูมิก็ดี พรหมภูมิก็ดี ต้องมีสถานที่อันเป็นภพภูมิของตัวเองแน่ๆ ข้อพิสูจน์คือ ผู้ที่จะได้อยู่ในภพภูมิดังกล่าวนั้นล้วนแต่ต้องตายจากสภาพความเป็นบุคคลนี้ก่อนแล้ว ทั้งนั้นจึงจะได้ไปอยู่ในภพภูมินั้นๆ ซึ่งต่างจากโลกุตตรภูมิ เพราะโลกุตตรภูมินั้นไม่ ปรากฏว่ากล่าวไว้ที่ไหนเลยว่า ผู้บรรลุธรรมเป็นโสดาบัน ตายแล้วจึงจะได้ไปอยู่ในภูมิ โสดาบัน ฯลฯ ผู้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ตายแล้วจึงจะได้ไปอยู่ในภูมิอรหันต์ มีแต่ว่า ผู้บรรลุธรรมในชั้นไหนๆ ระดับจิตก็อยู่ในภูมินั้นๆ โดยที่ร่างกายก็ยังคงอยู่ในภูมิปรกติ ของตน เช่นเป็นมนุษย์ ก็ยังคงเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนั่นเอง
กระผมเข้าใจอย่างนี้จะผิดพลาดบกพร่องประการใดหรือเปล่าครับ? อนึ่ง มีสำนักบางแห่งในเมืองไทยสอนว่า พระพุทธเจ้าเมื่อดับขันธปรินิพพาน แล้วจะไปสถิตอยู่ที่ภูมิพระนิพพาน ฟังดูเหมือนกับว่า โลกุตตรภูมิ (โดยเฉพาะบุคคล ระดับพระพุทธเจ้า) เป็นภพภูมิอะไรแห่งหนึ่งแบบเดียวกับเทวภูมิหรือพรหมภูมิ ซึ่งจะ ต้องตายจากสภาพความเป็นบุคคลนี้ก่อนแล้วจึงจะได้ไปอยู่ที่นั่น ถ้าเป็นจริงแบบนั้น ความเข้าใจข้างต้นของกระผมก็ไม่ถูกต้อง หรืออย่างไรครับ?
ขอบพระคุณที่จะกรุณาชี้แนะหลักคิดที่ถูกต้องครับ
ถ้าท่านยังนึกภาพไม่ออกลองดูภาพสมมติครับ ลองกดที่ภาพดู ถ้ากด 2 ครั้ง ภาพจะใหญ่ชัดเจนขึ้น
เรียนความเห็นที่ 3 ครับ
จากคำกล่าวของความเห็นที่ 3 ที่ว่า
เทวภูมิก็ดี พรหมภูมิก็ดี ต้องมีสถานที่อันเป็นภพภูมิของตัวเองแน่ๆ ข้อพิสูจน์คือ ผู้ที่จะได้อยู่ในภพภูมิดังกล่าวนั้นล้วนแต่ต้องตายจากสภาพความเป็นบุคคลนี้ก่อนแล้ว ทั้งนั้นจึงจะได้ไปอยู่ในภพภูมินั้นๆ ซึ่งต่างจากโลกุตตรภูมิ เพราะโลกุตตรภูมินั้นไม่ ปรากฏว่ากล่าวไว้ที่ไหนเลยว่า ผู้บรรลุธรรมเป็นโสดาบัน ตายแล้วจึงจะได้ไปอยู่ในภูมิ โสดาบัน ฯลฯ ผู้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ตายแล้วจึงจะได้ไปอยู่ในภูมิอรหันต์ มีแต่ว่า ผู้บรรลุธรรมในชั้นไหนๆ ระดับจิตก็อยู่ในภูมินั้นๆ โดยที่ร่างกายก็ยังคงอยู่ในภูมิปรกติ ของตน เช่นเป็นมนุษย์ ก็ยังคงเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนั่นเอง
กระผมเข้าใจอย่างนี้จะผิดพลาดบกพร่องประการใดหรือเปล่าครับ
เข้าใจถูกต้องแล้วครับ
และจากคำถามที่ว่า
อนึ่ง มีสำนักบางแห่งในเมืองไทยสอนว่า พระพุทธเจ้าเมื่อดับขันธปรินิพพาน แล้วจะไปสถิตอยู่ที่ภูมิพระนิพพาน ฟังดูเหมือนกับว่า โลกุตตรภูมิ (โดยเฉพาะบุคคล ระดับพระพุทธเจ้า) เป็นภพภูมิอะไรแห่งหนึ่งแบบเดียวกับเทวภูมิหรือพรหมภูมิ ซึ่งจะ ต้องตายจากสภาพความเป็นบุคคลนี้ก่อนแล้วจึงจะได้ไปอยู่ที่นั่น ถ้าเป็นจริงแบบนั้น ความเข้าใจข้างต้นของกระผมก็ไม่ถูกต้อง หรืออย่างไรครับ
ขอบพระคุณที่จะกรุณาชี้แนะหลักคิดที่ถูกต้องครับ
โลกุตตรกุศล เมื่อเกิดขึ้น ไม่ทำกิจปฏิสนธิครับ เมื่อโลกุตตรกุศลเกิดขึ้น มีมรรคจิต เกิดขึ้น ผลจิตเกิดขึ้นต่อทันที อันเป็นอกาลิโก ให้ผลไม่จำกัดกาล เวลา ให้ผลทันที นั่นเองครับ ดังนั้นจึงไมได้ทำกิจปฏิสนธิให้ผลหลังจากตายไปแล้วเพราะให้ผลไปแล้ว ทันทีเมื่อโลกุตตรกุศลดับไปนั่นเองครับ ดังนั้นจึงไม่ใช่จะต้องไปอยู่ในอีกภพภูมิหนึ่ง เพราะผลของโลกุตตรกุศลครับ ส่วนพระอรหันต์ผู้ดับกิเลสแล้ว มีพระพุทธเจ้า เป็นต้น เมื่อจุติจิตเกิดขึ้น ก็ไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมทั้งหมด ทั้งที่เป็นนามธรรมและ รูปธรรมแล้ว เพราะดับเหตุให้มีการเกิดแล้วครับ คือกิเลสทั้งปวง ดังนั้น พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายเมื่อจุติจิตเกิด สิ้นชีวิตไปก็จะไม่ไปอยู่ในภพภูมิใด เพราะถ้า ยังมีที่อยู่ก็แสดงว่า ยังมีสภาพธรรม ยังมีสังขารธรรม ก็เท่ากับว่าไม่ได้พ้นจากความ ไม่เที่ยง ไม่พ้นจากการเกิดเลยครับ ดังนั้น ความเห็นของนาวาเอกทองย้อยถูกต้อง ครับ
โลก คือ สภาพธรรมที่เกิดดับ แตกสลาย และอีกส่วนหนึ่งคือโลก หมายถึง ที่อยู่ของหมู่สัตว์ มีทั้งหมด ๓๑ ภูมิ อรูปพรหมก็เป็นหนึ่งใน ๓๑ ภพภูมิค่ะ
เทวภูมิก็ดี พรหมภูมิก็ดี ต้องมีสถานที่อันเป็นภพภูมิของตัวเองแน่ๆ ข้อพิสูจน์คือ ผู้ที่จะได้อยู่ในภพภูมิดังกล่าวนั้นล้วนแต่ต้องตายจากสภาพความเป็นบุคคลนี้ก่อนแล้ว ทั้งนั้นจึงจะได้ไปอยู่ในภพภูมินั้นๆ ซึ่งต่างจากโลกุตตรภูมิ เพราะโลกุตตรภูมินั้นไม่
ปรากฏว่ากล่าวไว้ที่ไหนเลยว่า ผู้บรรลุธรรมเป็นโสดาบัน ตายแล้วจึงจะได้ไปอยู่ในภูมิ โสดาบัน ฯลฯ ผู้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ตายแล้วจึงจะได้ไปอยู่ในภูมิอรหันต์ มีแต่ว่า ผู้บรรลุธรรมในชั้นไหนๆ ระดับจิตก็อยู่ในภูมินั้นๆ โดยที่ร่างกายก็ยังคงอยู่ในภูมิปรกติ ของตน เช่นเป็นมนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนั่นเอง
ใน 31 ภูมินั้น
พระโสดาบันเมื่อตายแล้ว จะไปอยู่ได้ ๒๖ ภูมิ (เว้นอบายภูมิ ๔ อสัญญ ๑) แล้วแต่กำลัง ของฌานด้วยที่ได้มา
ส่วนพระอรหันต์ตายแล้วจะไม่เกิดอีกคือพ้นจาก ๓๑ ภูมินี้ และจะไม่มีภพภูมิอื่นอีก (ถ้าถามว่าเป็นภูมิของจิตนั้นก็ต้องบอกว่าใช่ ถ้าถามว่าภพภูมิที่อาศัยนั้นไม่ใช่ครับ) ขอ ร่วมแสดงความคิดเห็นนะครับท่าน
รูปขยายอย่างในภาพข้างบนนี้หาได้ที่ไหนครับ หรือทำอย่างไรจึงจะให้มีรูปขยาย นี้ลงไว้ในคอมพิวเตอร์ และเปิดดูได้โดยไม่ต้องเปิดอินเตอเนต ขอความกรุณาแนะนำคนระดับ lowtec ด้วยครับ
ขอบพระคุณครับ
ไม่ทราบว่าคำอธิบายนี้ผิดกฎกติกาของทางเว็บหรือเปล่าครับ ถ้ามันไม่ถูกต้องขอให้ผู้ดูแลเว็บลบทิ้งด้วย ครับ
เรียน ท่านผู้การ ท่านก็ต้องใช้วิธี copy ไปวางไว้ในที่ๆ ท่านต้องการ เช่นว่าท่านเห็นภาพ ตรงไหน แล้วที่ท่านชอบท่านก็คลิ๊กขวาที่ภาพจะเห็นคำว่า copy แล้วท่านก็คลิ๊กช้ายที่ copyนำไปวางที่ๆ ที่ท่านต้องการที่ไหนก็ได้แล้วคลิ๊กช้ายจะเห็นคำว่า paste แล้วคลิ๊ก ช้ายตรงนี้รอสักครู่แล้วภาพที่นำมาจะปรากฏให้เห็นเป็นอันเสร็จ บางที่จะเห็นคำว่า วาง (แต่ภาพบางที่ copyไม่ได้ถ้านำมาวางจะเป็นรูป x) ถ้าเป็นในเว็บบ้านธรรมะจะเห็นคำว่า Allow access คลิ๊กตรงนั้นแหละครับ ฝึกทำดูนะครับ
ขออนุโมทนาครับ