ความตายเป็นสิ่งที่เกิดทุกขณะ ทุกเวลา และทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วเราจะตาย
ก่อนตายได้หรือไม่ บางท่านก็ว่าได้ โดยมีการตายก่อนตาย 2 อย่าง คือแบบสุข และ
แบบทุกข์ กล่าวคือแบบสุขก็เป็นการที่กิเลส (โลภ โกรธ หลง ทิฏฐิ มานะ) ได้ตายไป
จากจิตใจก่อนที่ร่างกายจะตาย ไม่มีการดิ้นรนและตกเป็นทาสของกิเลสอีกต่อไป ส่วน
แบบทุกข์ก็เป็นการที่กิเลสเป็นใหญ่ ได้ฆ่ากุศลจิตจนหมดสิ้นไปจากชีวิตหรือแทบจะ
หมดไป ต้องดิ้นรนแสวงหาความสุขหลอกๆ ที่กิเลสสั่งหรือบงการให้ทำอย่างไม่มีที่สิ้น
สุด (เปรียบเหมือนวงกลมที่หาจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดไม่ได้) บางทีก็เรียกการตายก่อน
ตายแบบนี้ว่า "ตายทั้งเป็น" ผมคิดว่าการตายก่อนตาย แบบแรก เป็นที่ปรารถนาของทุกคน แล้วกระบวนการหรือวิธีให้เกิดการตายแบบนี้ควรเป็นอย่างไร ในขณะเดียวกันการตาย แบบที่สอง ก็มักไม่เป็นที่พึงปรารถนาของใครสักคนเดียว แล้วกระบวนการหรือวิธีที่จะหลีกหนีหรือไม่ให้เกิดการตายแบบนี้ควรเป็นอย่างไรล่ะ
หนทางเดียวคือการอบรมปัญญา ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน หรืออริยมรรคมีองค์
แปด เพื่อดับอวิชชาคือความไม่รู้ เพื่อดับกิเลสที่เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดภพชาติค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ความไม่มีกิเลสแล้วตายเป็นสิ่งที่ดี การหลงทำกาละตาย
(ตายด้วยจิตเป็นอกุศลก่อนตาย) เป็นทุกข์ แต่ใครจะเลือกตายแบบไหนได้ เพราะธรรม
ทั้งหลายเป็นไปตามเหตุปัจจัย เมื่อมีกิเลสอยู่ เป็นปุถุชนก็ยังมีเหตุปัจจัยให้อกุศลกรรม
ให้ผล จิตเป็นอกุศลก่อนตาย จึงไม่ใช่ตัวตนที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นอกุศลก่อนตายได้
ธรรมเป็นไปตามเหตุปัจจัยและเป็นอนัตตาครับ
ดังนั้นการจะไม่มีกิเลสเลยคือการดับเหตุคือกิเลส สภาพธรรมที่ดับกิเลสคือปัญญา
ปัญญาจะเจริญเกิดขึ้นไดด้วยการศึกษาพระธรรม จึงไม่ต้องห่วงในเรื่องที่จะบังคับให้
ตายแบบไหนเพราะเป็นไปไม่ได้ แต่ที่สำคัญคืออบรมเหตุที่ถูกต้องคือศึกษาพระธรรม
และเจริญกุศลทุกๆ ประการเท่าที่ทำได้ครับ ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุค่ะ