ท่านพระเทวทัตนั้นเป็นผู้ที่ได้กระทำอกุศลหนักมากชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นอนันตริยกรรมเลยก็ว่าได้ อาทิเช่นทำพระพุทธเจ้าให้ห้อเลือด พยายามคิดทุกวิถีทางที่จะทำร้ายพระพุทธเจ้าของเราจนกระทั่งในที่สุดก็ถูกแผ่นดินสูบลงนรกทั้งเป็น แต่ไม่ทราบว่ามีเหตุปัจจัยอะไรที่ทำให้ท่านพระเทวทัตถูกพยากรณ์โดยพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เมื่อพระเทวทัตได้พ้นจากนรกแล้วก็จะได้เป็นถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งกระผมเองก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าท่านพระเทวทัตนั้นได้สั่งสมบุญกุศลอะไรมา แม้ท่านพระสารีบุตรผู้ได้บำเพ็ญพระบารมีมามากถึง 1 อสงไขย แสนกัลป์ ท่านก็ยังไม่ได้เป็นพระปัจเจก ขอท่านอาจารย์ช่าวให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผู้ที่จะได้บรรลุธรรมย่อมเป็นผุ้สะสสมบุญบารมี โดยเฉพาะปัญญามาจากพระอรัหนตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์อื่นๆ ในอดีต นับชาติไม่ถ้วน เช่นเดียวกับพระเทวทัต ท่านก็ต้องสะสมบุญบารมี ถึงได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่ง อภินิหาร การได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ด้วยการอธิษฐาน ปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าและทำบุญตั้งความปรารถนานั้น เพราะฉะนั้น พระเทวทัตก็ต้องมีความปรารถนาความเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอดีตชาติ ส่วนบุญอะไรนั้น ไม่ได้แสดงไว้ในพระไตรปิฎก ครับ แต่ แสดงว่า ชาติที่เป็นพระเทวทัต ได้ถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชา พระพุทธเจ้าจึงพยากรณ์ว่า อีกแสนกัปข้างหน้าจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อกล่าวถึง พุทธะ แล้ว ควรที่จะได้เข้าใจว่า มีพุทธะ ๓ ประเภท คือ
๑. สัมมาสัมพุทธะ หมายถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงตรัสรู้สภาพธรรมด้วยพระองค์เอง โดยไม่มีใครเป็นครูอาจารย์ พร้อมทั้งทรงแสดงพระธรรม ประกาศพระศาสนา ให้สัตว์โลกได้เข้าใจธรรม ตาม ด้วย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นเอกบุคคลทรงเป็นบุคคลผู้เลิศที่สุด เจริญที่สุด ประเสริฐที่สุดในโลก โดยไม่มีใครเสมอเหมือน ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่ทรงอุบัติขึ้นพร้อมกัน ๒ พระองค์
๒. ปัจเจกพุทธะ หมายถึง พระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้สภาพธรรมด้วยตนเอง ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาตลอดระยะเวลา ๒ อสงไขย แสนกัปป์ จึงจะตรัสรู้ได้ แต่ไม่สามารถตั้งศาสนา เพราะไม่สามารถบัญญัติศัพท์ที่เป็นคำพูดให้เข้าถึงสภาพธรรม อีกทั้งไม่มีอัธยาศัยใหญ่ในการอนุเคราะห์เกื้อกูลสัตว์โลกเหมือนกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, พระปัจจเกพุทธเจ้า อุบัติขึ้นพร้อมกันๆ หลายพระองค์ได้ และจะอุบัติขึ้นได้เฉพาะในกาลสมัยที่ว่างจากพระพุทธศาสนา หรือ ว่างจากการอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เท่านั้น
๓. อนุพุทธะ หรือ สาวกพุทธะ หมายถึง ผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แล้วได้ตรัสรู้ตามเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เช่น พระอัญญาโกณฑัญญะ พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ เป็นต้น
ถ้าไม่เคยได้ฟังพระธรรมมาเลยตั้งแต่ในอดีต ย่อมไม่สามารถถึงความเป็นพุทธะได้เลย เพราะการถึงความเป็นพุทธะ เป็นได้ด้วยปัญญา
สำหรับพระเทวทัต แม้ว่าจะทำอกุศลกรรมที่หนัก แต่ด้วยบารมีคุณความดีที่ได้สะสมมาในฐานะที่เป็นปัจเจกโพธิสัตว์ เมื่อบารมีถึงความสมบูรณ์พร้อมก็ทำให้ท่านพระเทวทัตถึงความเป็นปัจจกพุทธเจ้าได้ ซึ่งก็ต้องเป็นไปด้วยคุณความดี นี้ก็แสดงถึงความเป็นเหตุเป็นผลจริงๆ เมื่อเหตุสมบูรณ์แล้ว ผลก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปตามควรแก่เหตุ เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ในสังสารวัฏฏ์ที่ยาวนานนับไม่ได้ ท่านก็เคยบำเพ็ญบารมีมามากถึงได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ