การนั่งสมาธิ
โดย homenumber5  7 ก.ค. 2556
หัวข้อหมายเลข 23140

กราบเรียนถามข้อธรรมดังนี้ค่ะ

ดิฉันเคยอ่านพบในบ้านธัมมะนี้ทำนองว่า ฟังธรรมดีกว่านั่งหลับตาสมาธิ บริกรรมคำต่างๆ ถ้าดิฉันเดินทางไปสถานที่ไม่อาจฟังธรรมได้ดิฉันจะท่องบทธัมมจักฯ อภิธัมม ๗ คัมภีร์หรือบทสวดมนต์ อานัตตลักขณสูตร หรือพระสูตรที่ดิฉันพอจะจำและท่องได้นั้น (ทั้งนี้เพื่อมิให้จิตใจฟุ้งซ่านออกไปหาเรื่องราวมากระทบจิต) ท่านวิทยากรมีความเห็นอย่างไรคะ (ได้บุญไหมคะ)



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 7 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สามารถทำได้ ในขณะที่ระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ในพระธรรมบทสวดนั้นด้วยการที่จะระลึกในพระคุณของพระพุทธเจ้า เป็นต้น หรือพระธรรมหมวดอื่นๆ เพราะพระธรรมทุกคำ ย่อมนำมาซึ่งกุศล ศรัทธาได้ หากมีความเข้าใจในบทสวดนั้น ย่อมดีกว่า การนั่งสมาธิ หลับตา นิ่ง แต่ไม่มีปัญญา ไม่มีความรู้อะไรเกิดขึ้นเลย ครับ ควรที่จะระลึกถึงพระธรรม แม้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นภาษาบาลีก็ได้ แต่ระลึกในคำสอนที่เป็นภาษาไทย ที่ระลึก และ พิจารณาในพระพุทธพจน์นั้น ขณะนั้นก็เป็นการระลึกด้วยความเข้าใจในพระธรรม ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง และ แม้แต่การระลึกในคำสอน ของพระพุทธเจ้า ในภาษาบาลี ด้วยความเลื่อมใส ก็ย่อมเป็นกุศลที่ประกอบด้วยศรัทธา ก็เป็นสิ่งที่สมควรเช่นกัน ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 7 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งคือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก พระพุทธศาสนา คือ คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก โดยตลอด สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ที่พระองค์ทรงแสดงพระสูตรต่างๆ ไม่ใช่สำหรับ นำเอาคำบาลีมากล่าว เพื่อต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่สำหรับศึกษาด้วยความละเอียด รอบคอบ ให้เข้าใจจริงๆ ถ้าไม่มีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว การกระทำใดๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไป ด้วยอำนาจแห่งความติดข้อง ความไม่รู้และความเห็นผิด
เพราะฉะนั้นแล้ว ก็ต้องตั้งต้น ด้วยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม ด้วยความอดทนจริงใจ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เท่านั้นจริงๆ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย wannee.s  วันที่ 7 ก.ค. 2556

ท่องตามบทสวดระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ก็เป็นกุศล ค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย nongnooch  วันที่ 8 ก.ค. 2556

ถ้าเป็นการอยากที่จะท่อง ก็จะกลายเป็นความติดข้อง กลายเป็นอกุศลจิต เอาเป็นว่าควรที่จะทำความเข้าใจถูก เห็นถูก สิ่งนี้เป็นกุศล แน่ๆ ค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย nopwong  วันที่ 10 ก.ค. 2556

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 6    โดย papon  วันที่ 12 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย homenumber5  วันที่ 13 ก.ค. 2556

ขออนุโมทนาในทุกความเห็นค่ะ ขอเรียนถามต่อนะคะ

๑.สำหรับการติดข้อง คือ โลภะกิเลสใช่ไหมคะ ซึ่งระดับอรหันต์ ถึงจะปหานโลภะกิเลสได้ใช่ไหมคะ

๒.ถ้าเป็นปุถุชน หากยังติดข้องกับ พระพุทธวจนะ ก็น่าจะประเสริฐกว่าการติดข้อง กับกิเลสทางโลกอื่นๆ จริงไหมคะ

๓.แต่อย่างที่ท่านความเห็นที่ ๒ ว่า แม้ท่องได้สวดได้ ก็ควรหาทางมาศึกษา ฟังธรรมให้เข้าใจ เพราะการบรรลุธรรมตั้งแต่พุทธกาล ท่านอัญญาโกณฑัญญะ และปัญจวัคคีย์ทุกท่าน ท่านต้องฟังธรรม แล้วถึงบรรลุอริยะมัคค อริยผล จริงไหมคะ


ความคิดเห็น 8    โดย Rodngoen  วันที่ 15 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 9    โดย paderm  วันที่ 16 ก.ค. 2556

๑.สำหรับการติดข้อง คือโลภะกิเลสใช่ไหมคะ ซึ่งระดับอรหันต์ถึงจะปหานโลภะกิเลสได้ใช่ไหมคะ

ถูกต้อง ครับ

๒.ถ้าเป็นปุถุชน หากยังติดข้องกับ พระพุทธวจนะ ก็น่าจะประเสริฐกว่าการติดข้อง กับกิเลสทางโลกอื่นๆ จริงไหมคะ

ความติดข้อง ไม่เปลี่ยนลักษณะ พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า อกุศล ก็ต้องเป็นอกุศล ไม่ดีเสมอ ครับ

๓.แต่อย่างที่ท่านความเห็นที่ ๒ ว่า แม้ท่องได้สวดได้ ก็ควรหาทางมาศึกษา ฟังธรรมให้เข้าใจ เพราะการบรรลุธรรมตั้งแต่พุทธกาล ท่านอัญญาโกณฑัญญะ และปัญจวัคคีย์ทุกท่านท่านต้องฟังธรรม แล้วถึงบรรลุอริยะมัคค อริยผล จริงไหมคะ

ถูกต้อง ครับ ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 10    โดย homenumber5  วันที่ 3 ส.ค. 2556

ขออนุโมทนา กับทุกความเห็นค่ะ ดิฉันขอเพิ่มเติมในเรื่องของสมาธิเล็กน้อย และเรียนถามเพิ่มนะคะ หากสิ่งใดที่เขียนมานี้ ผิดจากพระพุทธวจนะ ขอให้ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ สัตว์ ๓๑ ภพภูมิ มีทั้งกามาวจรภูมิ ได้แก่

๑ อปายภูมิ ๔ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน

๒ มนุสสและเทวภูมิ

๓ พรหมภูมิ

๔ รูปพรหมภูมิ

๕ อรูปาวจรภูมิ

๑.ในห้าภูมิที่กล่าวมา ภูมิใดที่ท่านมีสัมมาสมาธิ (หนึ่งในอริยมรรค ที่มีองค์๘) แล้วคะ

๒.เมื่อมนุษย์เรา ไม่มีการนั่งสมาธิ หรือ ฝึกสมาธิ วิปัสสนา ในทุกรูปแบบ แล้วมนุษย์จะมีสัมมาสมาธิได้ ด้วยวิธีการฟังธรรมอย่างเข้าใจ ตามสภาพธรรมที่เป็นจริงได้ ใช่ไหมคะ

๓.ถ้าคำตอบข้อ๒ ว่าใช่ แล้ว สภาพธรรมที่เป็นจริง คือ การทำงาน ของจิต เจตสิก จนเกิดเป็นรูป (จิต เจตสิก รูป ที่กล่าวนี้หมายถึง จิตปรมัตถ เจตสิกปรมัตถ รูปปรมัตถ) ใช่ไหมคะ

๔.สภาพธรรมที่เป็นจริงนี้ คือ ปรมัตถธรรม ใช่ไหมคะ

๕.ดังนั้น สภาพธรรมที่เกิดและเป็นจริงนี้คือ วิปัสสนาธรรมเช่นนั้นหรือคะ

๖.ถ้าข้อ๕ ตอบว่า ใช่ หมายความว่า ผู้ที่เข้าใจสภาพธรรมตามเป็นจริง คือคนที่เข้าถึงวิปัสสนาธรรม ซึ่งต้องมีการทำงานของปัญญาเจตสิกกับโสมนัสญาณสัมปยุตตจิตกามาวจรมหากุสลจิต อย่างนั้นหรือ

๗.ถ้าข้อ๖ ตอบว่าใช่ แล้วสัมมาสมาธิ อันเป็นโสภณเจตสิก นั้นทำงานเวลาไหน ตอนที่เราฟังธรรมแล้วเข้าถึงสภาพธรรมตามเป็นจริง

๘.สำหรับปุถุชน ดิฉันหมายถึงตัวดิฉันเอง เข้าใจว่า เวลาฟัง เห็น ได้กลิ่น ในปัจจุบันดิฉันก็ยังไม่เข้าถึงสภาพธรรม ตามความเป็นจริง ดังนั้น ดิฉันก็ยังไม่อยู่ในข่ายของวิปัสสนาธรรม ใช่ไหมคะ

๙.แต่ที่ดิฉันมาฟัง อ.สุจินต์ และคณะสอนธรรมนั้น ดิฉันมาเพื่อเรียนรู้เข้าใจ การทำงานของจิตปรมัตถ เจตสิกปรมัตถ ที่เกิดขึ้นตามสภาพธรรมตามเป็นจริง เพื่อให้รู้เบื้องต้น ของปรมัตถธรรม ใช่ไหมคะ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 11    โดย ดวงทิพย์  วันที่ 13 ส.ค. 2556

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ


ความคิดเห็น 12    โดย นี่นะใหญ่สุดแล้ว  วันที่ 25 ส.ค. 2556

ขออนุโมทนาครับ