ปรมัตถ์ บัญญัติ นิมิต อนุพยัญชนะ
“อยู่ในโลกของนิมิต จนกระทั่งไม่ได้เข้าใจสภาพธรรม”
“เวลานี้ เป็นเราเป็นเขา เป็นตัวแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้”
“ถ้าไม่มีปัญญา อย่างไร ก็เป็นคน” เพราะไม่สามารถเข้าใจความจริงว่าสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นธาตุที่ปรากฏ ต่อเมื่อกระทบจักขุปสาทและจิตเห็นเกิดขึ้น
“เริ่มเข้าใจถูกต้องในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏให้เห็น เมื่อเข้าใจความต่างของธาตุที่ปรากฏให้เห็น และรู้ตามความเป็นจริงว่า ธาตุที่ปรากฏให้เห็นก็เป็นธาตุชนิดหนึ่ง”
“ถ้ามีปัญญา รู้ตามความเป็นจริงว่า ขณะใดเป็นธรรมที่มีจริง เป็นปรมัตถ์ มีหรือที่จะไม่รู้บัญญัติซึ่งมีเมื่อคิด” ซึ่งต้องรู้ตามความเป็นจริง จึงสามารถเข้าใจ ถึงนิมิต อนุพยัญชนะ ปรมัตถ์ บัญญัติ
นิมิตเป็นบัญญัติหรือไม่
ไม่ใช่ เมื่อมีนิมิต จึงมีการบัญญัติ ชื่อของนิมิต เพราะบัญญัติ เพื่อให้รู้ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ถ้าไม่มีนิมิต ก็ไม่มีบัญญัติ ที่จะให้รู้ได้ “ธรรมไม่ใช่อย่างเดียวกัน แต่ละหนึ่งๆ ควรต้องเข้าใจให้ถูกต้อง”
นิมิตเป็นความเห็นผิดหรือไม่
นิมิตเป็นนิมิต เห็นผิดเป็นเห็นผิด ติดเป็นติด ไม่ติดเป็นไม่ติด ทั้งหมดไม่ใช่สิ่งเดียวกัน นิมิตมีจริง เพราะมีการเกิดดับของสภาพธรรม สืบต่อลวงให้เห็นว่าไม่ดับไป ไม่มีใคร กั้นการเกิดดับของสภาพธรรมได้ แม้พระอริยบุคคลที่ดับความเห็นผิดแล้ว ก็กั้นไม่ให้นิมิตไม่มีไม่ได้ เพราะสภาพธรรมก็เกิดดับ สืบต่ออย่างนี้ เช่น การมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ปรากฏ และสัญญาทางมโนทวารก็จำว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร กระทั่งรู้ว่าเป็นสิ่งนั้น รู้นิมิตนั้นตามความเป็นจริง โดยไม่มีความเห็นผิดติดข้อง ก็ได้
อ่านข้อความเตือนสติ ทั้งหมดจากสุภากัมมารธิดาเถรี คาถา..
ข้อความเตือนสติเรื่องสุภากัมมารธิดาเถรีคาถา
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ