โมหะ กับ อวิชชา ต่างกันอย่างไร?
โดย TeTee  24 พ.ค. 2551
หัวข้อหมายเลข 8707

1. อยากทราบว่า "โมหะ" กับ "อวิชชา" หมายถึงสิ่งเดียวกันคือ ความไม่รู้ ใช่หรือไม่?

2. ถ้าใช่ สองคำนี้ใช้ต่างกันอย่างไร?



ความคิดเห็น 1    โดย study  วันที่ 25 พ.ค. 2551

"โมหะ" กับ "อวิชชา" หมายถึงสิ่งเดียวกันคือ ความไม่รู้ ความโง่เขลา ...

ในพระไตรปิฎกพระพุทธองค์ทรงแสดงชื่อของอวิชชาหรือโมหะหลากหลายชื่อมาก ตามความเหมาะสมของหัวข้อ เช่น ถ้าแสดงโดยมูล เป็นโมหมูล ถ้าแสดงโดยกิเลสประเภทอื่น เช่น อาสวะ โอฆะ โยคะ สังโยชน์ เป็นต้น ใช้คำว่า อวิชชา ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านชื่อของโมหะเพิ่มเติมที่ ...

- อวิชชาคืออะไร

- อวิชชา

- ลักษณะ อวิชชา ๒๕ อย่าง


ความคิดเห็น 2    โดย wannee.s  วันที่ 25 พ.ค. 2551

โมหะ กับ อวิชชา องค์ธรรมเหมือนกันคือ โมหเจตสิก

อวิชชาเป็นหัวหน้าของอกุศลธรรมทั้งหลายค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย TeTee  วันที่ 25 พ.ค. 2551

ขอบคุณมากครับ


ความคิดเห็น 4    โดย khampan.a  วันที่ 25 พ.ค. 2551

พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรม โดยใช้พยัญชนะที่หลากหลาย แต่ทั้งหมดก็เพื่อส่องให้ถึงอรรถของสภาพธรรม เพื่อให้เห็นตามความเป็นจริงว่าที่ทรงแสดงนั้นเป็นสภาพธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน สำหรับโมหะกับอวิชชา ก็เช่นเดียวกัน เป็นลักษณะสภาพธรรมอย่างเดียวกัน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะ ถึงแม้ว่าจะใช้พยัญชนะที่แตกต่างกันก็ตาม

ว่าโดยศัพท์ โมหะ มาจาก มุห ธาตุ เป็นไปในอรรถว่า หลง, เขลา แปลง อุ ที่ มุ เป็น โอ สำเร็จรูปเป็น โมหะ (ความหลง, ความเขลา)

ส่วน อวิชชา มาจาก น บทหน้า แปลว่า ไม่ (แปลง น เป็น อ) + วิท ธาตุ เป็นไปในอรรถว่า รู้ +ณฺย ปัจจัย + อา ลบ ณฺ แล้วแปลง ทฺย เป็น ช แล้วซ้อน ชฺ สำเร็จรูป เป็น อวิชชา (ความไม่รู้) ครับ

โมหะ กับ อวิชชา เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้ ว่าโดยองค์ธรรม ได้แก่ โมหเจตสิกซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เกิดกับอกุศลจิต ทุกประเภท ครับ


ความคิดเห็น 5    โดย suwit02  วันที่ 25 พ.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 6    โดย baramees  วันที่ 25 พ.ค. 2551

สภาพธรรมที่เป็นสัจจธรรมไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ จะใช้ชื่ออย่างไร เมื่อเป็นธรรมแล้วย่อมมีลักษณะให้รู้ โมหะ ความหลงและอวิชชา ความไม่รู้ ทำไมถึงหลงเพราะไม่รู้ตามความเป็นจริง ไม่รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราในชีวิตประจำวันที่เห็น ได้ยิน.. คิดนึก ย่อมหลงไปด้วยความเป็นสัตว์ บุคคลตัวตน เพราะมีอวิชชา ความไม่รู้ จึงหลงไปในรูป หลงไปในเสียง หลงไปในกลิ่น ....ในความคิดนึกว่าเป็นสัตว์บุคคล ว่าเที่ยง ยั่งยืน และเป็นสุข ซึ่งเป็นความสำคัญผิด อันเกิดจากความไม่รู้คืออวิชชาเป็นปัจจัย

พระธรรมที่ทรงแสดงในความต่างของโมหะและอวิชชาคือ เพื่อแสดงถึงลักษณะของความไม่รู้ โดยนัยต่างๆ คือหลงไปในสิ่งต่างๆ (โมหะ) เพราะความไม่รู้ตามความเป็นจริง (อวิชชา) และอีกนัยหนึ่งแม้ว่าโดยความหมายก็เหมือนกัน แต่ที่ทรงแสดงหลากหลายนัยเพราะสัตว์โลกมีอัธยาศัยต่างๆ กันในการจะเข้าใจ บางครั้งสัตว์บางพวกก็เข้าใจได้ด้วยคำนี้ก็ทรงแสดงด้วยคำนั้น หรือบรรลุได้ด้วยคำนี้ก็ทรงแสดงคำนั้น ที่สัตว์จะบรรลุได้


ความคิดเห็น 7    โดย เซจาน้อย  วันที่ 26 พ.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 8    โดย suwit02  วันที่ 26 พ.ค. 2551
สาธุ

ความคิดเห็น 9    โดย เจริญในธรรม  วันที่ 26 พ.ค. 2551
ขออนุโมทนา

ความคิดเห็น 10    โดย arin  วันที่ 26 พ.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 11    โดย BudCoP  วันที่ 31 พ.ค. 2551

มี ๒ นัย คือ นัยพระสูตร กับ อภิธรรม

- นัยพระสูตร ว่า โมหะเป็นอดีตชาติ โมหะเป็นปัจจุบัน

- นัยพระอภิธรรม ว่า โมหะ = อวิชชา


ความคิดเห็น 12    โดย orawan.c  วันที่ 2 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 2 มิ.ย. 2551

อนุโมทนาคะ


ความคิดเห็น 14    โดย วิริยะ  วันที่ 8 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 15    โดย ก.ไก่  วันที่ 5 เม.ย. 2566

ขออนุโมทนาค่ะ