ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วันพุธที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๐.๑๕ - ๑๒.๑๕ น. โดยประมาณ คุณชื่นทิพย์ ไกรเดชชัยกิตติ (สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ.ลำดับที่ ๑๓๖๗) พร้อมด้วยลูกชายและลูกสะใภ้ มีกุศลศรัทธากราบเรียนเชิญท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เพื่อสนทนาธรรม ที่บริษัทจึงชินฮวด ซึ่งเป็นบริษัทของลูกชาย อยู่ถนนเพชรเกษม ซอย ๔๑ จุดประสงค์ก็เพื่อเปิดโอกาสให้ครอบครัวตนเอง และเพื่อนๆ ได้ฟังความจริง ที่เป็นวาจาสัจจะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันแสดงให้เข้าใจถึงสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง และทุกครั้งที่มีการสนทนาธรรม ท่านอาจารย์จะมีความปีติโสมนัสอย่างยิ่งที่จะได้กล่าวความจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อประโยชน์ของผู้ที่ได้ยินได้ฟัง
เป็นสำคัญ เพราะบางคนอาจจะไม่เคยได้ฟังมาก่อน แต่เพราะไม่สามารถจะรู้ได้ว่าใคร
สะสมอะไรมาบ้าง การสนทนาธรรม เกื้อกูลกันในแต่ละครั้งก็อาจจะเป็นปัจจัยให้ผู้นั้น
เห็นประโยชน์ของพระธรรมและมีกุศลวิริยะที่จะฟังที่จะศึกษาพระธรรมต่อไป ก็ได้ ซึ่งจะ
เป็นประโยชน์สำหรับผู้นั้นอย่างแท้จริง
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีความเมตตาที่จะเกื้อกูลผู้อื่นให้ได้เข้าใจ
ความจริงทุกเมื่อ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่จะได้สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็น
ปัญญาของแต่ละคน ต่อไป
ในครั้งนี้กระผม ก็มีโอกาสได้เข้าร่วมฟังการสนทนาธรรม ด้วย จึงขออนุญาตประมวลสาระสำคัญของพระธรรมที่ได้ยินได้ฟังในครั้งนี้เท่าที่จะประมวลได้ เพื่อประโยชน์สำหรับทุกๆ ท่านได้อ่าน ได้พิจารณาร่วมกัน เป็นประโยคสั้นๆ ดังต่อไปนี้ ----------------------------------------------------
-ไม่มีใครประเสริฐเท่ากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เทวดา พรหม ก็เข้าไปเฝ้าพระองค์
เพื่อกราบทูลถามปัญหาธรรม เพื่อประโยชน์ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะไม่สามารถ
คิดธรรมเอาเองได้
-เมื่อกล่าวคำว่า ธรรมชาติ ต้องเน้นที่ ธรรม คือ สิ่งที่มีจริงๆ เช่น เสียงมีจริงๆ
เป็นธรรมชาติ ได้ยิน มีจริงๆ เป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มีจริง ที่เกิดขึ้นเป็นไป
-ตั้งแต่เกิดจนตาย พูดคำที่ไม่รู้จักจริงๆ ไม่ว่าจะกล่าวคำอะไรก็ตาม เช่น จิต ธรรมชาติ บริสุทธิ์ ฯลฯ ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
-อัตตา กับ อนัตตา แตกต่างกัน อัตตา คือ ตัวตน หรือ สิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์บุคคล ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นธรรมที่มีจริงที่ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร ซึ่งเมื่อเข้าใจถูกเห็นถูกแล้วก็จะรู้ได้เลยว่า ไม่มีอะไรเลยที่เป็นอัตตา เพราะมีแต่ธรรมเท่านั้น
-คนไทยก็พูดธรรมในภาษาของตนๆ คือ ภาษาไทย เพื่อจะได้เข้าใจให้ถูกต้องตรงกัน ซึ่งเมื่อกลับเข้าไปหาภาษาบาลีก็ตรงกัน เพราะกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงเหมือนกัน เพียงแต่ภาษาต่างกันเท่านั้น
-ไม่มีเลย ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะสอนให้ไม่รู้
-อวิชชา ความไม่รู้ เป็นที่มาของอกุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวง
-เป็นโอกาสที่ยากแสนยากกว่าจะได้ฟังพระธรรม ไหนๆ ก็ได้ฟังแล้ว ก็ขอให้เห็นประโยชน์จริงๆ ฟังจริงๆ เข้าใจจริงๆ
-จะหาความละเอียดของพระธรรมแต่ที่ไหน ก็ต้องจากการได้ยินได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
-ต้องเริ่มต้นที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก ถูกคือถูก ผิดคือผิด
-เข้าใจคือเข้าใจ ไม่เข้าใจคือไม่เข้าใจ ต้องเป็นผู้ตรงจริงๆ จึงจะได้สาระจากพระธรรม
-ขณะนี้พระธรรมยังดำรงอยู่ ยังไม่ลบเลือน แต่ถ้าไม่มีการฟัง ไม่มีการศึกษา ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจได้เลย
-ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจ “เพิ่มขึ้น” ไม่ใช่เพื่อจำคำ “เพิ่มขึ้น”
-ธรรม ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนเลย ทุกขณะเป็นธรรม ไม่พ้นจากธรรมเลย เพราะอะไรที่มีจริง ก็เป็นธรรมทั้งหมด
-ได้ยินเป็นได้ยิน เป็นอย่างอื่น ไม่ได้ ได้กลิ่น เป็นได้กลิ่น เป็นอย่างอื่นไม่ได้ คิดเป็นคิด เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ธรรมเป็นจริงแต่ละหนึ่งโดยไม่ปะปนกัน
-พระธรรมลึกซึ้ง ไม่ง่ายเลย เพราะถ้าง่าย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคงไม่ต้องบำเพ็ญพระบารมีนานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ และถ้าง่าย พระองค์คงไม่ต้องทรงแสดงพระธรรมโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง ตลอด ๔๕ พรรษา แต่ที่เป็นอย่างนั้น ก็เพราะพระธรรม ไม่ง่าย
-ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็ต้องด้วยความเคารพอย่างยิ่ง เพราะแต่ละคำๆ มีความหมายลึกซึ้งมาก ล้ำค่ามาก
-ชาวพุทธ ต้องรู้จ้กพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะชื่อว่าเป็นชาวพุทธ ไม่ได้ และที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะต้องรู้จักพระคุณของพระองค์
คือ พระบริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ และพระมหากรุณาคุณ และที่จะรู้ได้ ก็ต้องได้ฟัง
พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
-ค่อยๆ ก้าวไปในหนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา อย่างมั่นคง รักษาความเข้าใจ และ ฟังพระธรรมต่อไป
-ไม่มีอะไรยากเท่ากับพระพุทธศาสนา เพราะเป็นไปเพื่อละกิเลสทั้งหลายทั้งปวง แล้วจะยากสักแค่ไหน วิชาหรือศาสตร์สาขาต่างๆ ไม่สามารถทำให้ดับกิเลสใดๆ ได้เลย
-พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนคนที่มีกิเลส ให้พ้นจากกิเลสได้
-เคยโกรธไหม? เคยโกรธ , รู้ไหมว่าไม่ดี? รู้, แล้วรู้จริงๆ หรือเปล่า? เพราะถ้ารู้จริงๆ จะไม่โกรธ
-ความโกรธทำร้ายจิตทันทีที่โกรธ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วอย่างไหนจะดีกว่ากันระหว่างโกรธ กับ ไม่โกรธ
-โกรธ ทำให้เกิดอาการถมึงตึง บึ้งตึง ขึ้งเคียด ผิดปกติไปจากขณะที่ไม่โกรธ
-ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเลย จะมีโลกได้อย่างไร ขณะนี้ อะไรเกิดขึ้น นั่นแหละเป็นโลก เห็น เกิดขึ้น เป็นโลกอย่างหนึ่ง ได้ยินเกิดขึ้น เป็นโลกอย่างหนึ่ง เพราะโลกคือสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับ สภาพธรรมใดก็ตามที่เกิดแล้วจะไม่ดับ ไม่มี เพราะเกิดแล้วก็ต้องดับไปทั้งนั้น ส่วนพระนิพพาน ไม่เกิดไม่ดับ จึงพ้นโลก
-ขณะที่เห็นเกิดขึ้น จะมีได้ยินพร้อมกันไม่ได้ นี้คือ ความเป็นจริงของธรรม
-ไม่รู้ จะดีได้อย่างไร
-สภาพธรรมที่ไม่ดี ก็ต้องเป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้นที่จะคอยชำระล้างสภาพธรรมที่ไม่ดี
-จิต ยังเต็มไปด้วยกิเลสประการต่างๆ มากมาย แล้วจะบริสุทธิ์ได้อย่างไร
-พระธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โดยละเอียด โดยประการทั้งปวง ตลอด ๔๕ พรรษา นับคำไม่ถ้วน จึงต้องศึกษาไปทีละคำๆ จากทีละคำๆ ในที่สุดก็เป็นหลายๆ คำ ด้วยความเข้าใจที่ถุกต้อง
-เห็นเป็นสิ่งที่ถูกเห็นหรือเปล่า? เห็น เป็นนามธรรม เป็นจิต เป็นสภาพรู้ ธาตุรู้ ส่วนสิ่งที่ถูกเห็น เป็น สี เป็นรูปธรรม ไม่ใช่อย่างเดียวกัน, ได้ยินเป็นเสียงหรือเปล่า? ได้ยินเป็นนามธรรม เป็นจิต เป็นสภาพรู้ ธาตุรู้ ส่วนเสียง เป็นสิ่งที่ถูกได้ยิน เป็นรูปธรรมไม่ใช่อย่างเดียวกัน
-ในสมัยพุทธกาลคนในครั้งนั้น มีความสุขที่ได้เข้าใจถูกเห็นถูก จึงชื่นชมพระภาษิต (คำพูด) ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ตนเองได้ฟังและได้เข้าใจความจริง
-ต้องรู้ จนละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด จึงไม่ควรท้อถอยในการศึกษาพระธรรม ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา ในที่สุดแล้วความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น
-คนที่ไม่ได้ฟังพระธรรม เพราะไม่เห็นคุณค่าของพระธรรมว่ามีมากมายมหาศาลเพียงใด
-ชีวิตประจำวัน คนเราคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อมีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรมก็ย่อมจะทำให้มีการคิดถึงพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง เพราะฉะนั้นแล้ว จึงขาดการฟังพระธรรม ไม่ได้ มีโอกาสเมื่อใด ก็ควรที่จะได้ฟังเมื่อนั้น
-ไม่ควรแก้ตัวว่า ไม่มีเวลาฟังพระธรรม เพราะเหตุว่า เวลา .. มี แต่ .. ไม่ฟัง
เท่านั้นเอง
-บางคนบอกว่า ชีวิตของตนก็ย่างเข้าค่อนคนแล้ว จึงจะได้พบกับพระธรรม รู้สึกว่าได้พบช้าไป ท่านอาจารย์ กล่าวว่า ก็ยังดีที่ได้พบ ดีกว่าไม่ได้พบเลย
-ฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจเท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ความเข้าใจประเสริฐกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
-ถ้ามีความเข้าใจถูกเห็นถูกแล้ว จะทำในสิ่งที่ถูก ไม่ทำในสิ่งที่ผิด เพราะมีปัญญานำทาง ทำให้ละเว้นในสิ่งที่ผิด แล้วทำในสิ่งที่ถูก
-น่าเสียดายเป็นอย่างมาก ที่ได้ฟังพระธรรมในวันนี้แล้ว ไม่ได้ฟังต่อไปอีก.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของคุณชื่นทิพย์ พร้อมครอบครัว
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
"...ชีวิตประจำวัน คนเราคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ตลอดเวลา
แต่เมื่อมีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรม ก็ย่อมจะทำให้มีการคิดถึงพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง
เพราะฉะนั้นแล้ว จึงขาดการฟังพระธรรม ไม่ได้
มีโอกาสเมื่อใด
ก็ควรที่จะได้ฟังเมื่อนั้น..."
.........
"...ฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจเท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น
ความเข้าใจประเสริฐกว่าทุกสิ่ง ทุกอย่าง..."
.........
กราบท่านอาจารย์
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของคุณชื่นทิพย์และครอบครัว
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณคำปั่นและทุกๆ ท่านด้วยครับ
-ไม่ควรแก้ตัวว่า ไม่มีเวลาฟังพระธรรม เพราะเหตุว่า เวลา .. มี แต่ .. ไม่ฟัง
เท่านั้นเอง
-ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจ “เพิ่มขึ้น” ไม่ใช่เพื่อจำคำ “เพิ่มขึ้น”
กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของคุณชื่นทิพย์ และ ครอบครัว และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนา
-ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็ต้องด้วยความเคารพอย่างยิ่ง เพราะแต่ละคำๆ มี
ความหมายลึกซึ้งมาก ล้ำค่ามาก
-ฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจเท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ความเข้าใจประเสริฐกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูง
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของคุณชื่นทิพย์และครอบครัว
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณคำปั่นและทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของคุณชื่นทิพย์และครอบครัว
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณคำปั่นและทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
"ฟังธรรม เพื่อความเข้าใจ ไม่ใช่ เพื่ออย่างอื่น" เป็นประโยคที่ท่านอาจารย์
กล่าวได้อย่างลึกซึ้ง เป็นอย่างยิ่ง เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจหรอก กับ ประโยคนี้
แต่วันนี้ พอเริ่มเข้าใจ และ เริ่มเข้าใจว่า มีอยู่ในชีวิิตประจำวัน จริงๆ และ จะไม่ไปแสวงหาสิ่งอื่นที่ไม่รู้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว อีกเลย
พระพุทธพจน์ ทรงตรัสไว้ดีแล้ว
ขอกราบและระลึกถึงพระคุณของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ผู้ที่พร้อมด้วย ศิล สมาธิ และ ปัญญา
-อัตตา กับ อนัตตา แตกต่างกัน อัตตา คือ ตัวตน หรือ สิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์บุคคล ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นธรรมที่มีจริงที่ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร ซึ่งเมื่อเข้าใจถูกเห็นถูกแล้วก็จะรู้ได้เลยว่า ไม่มีอะไรเลยที่เป็นอัตตา เพราะมีแต่ธรรมเท่านั้น
อนุโมทนาในกุศลจิตทุกท่านค่ะ
ขออนุโมทนาคะ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ