ไม่รู้จักสติ เจริญสติได้ไหม
โดย nattawan  21 ก.ย. 2566
หัวข้อหมายเลข 46582

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

วันนี้ก็เป็นอีกวันซึ่งเป็นวันที่ล้ำค่าในสังสารวัฏฏ์ ที่ได้มีโอกาสได้เข้าใจพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสรู้ ลืมคำนี้ไม่ได้เลย " พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสรู้ " ง่ายไหม!!!

ฟังแต่ละคำต้องเข้าใจ ไม่ใช่ฟังแล้ว ... ได้ยินแล้ว ... รู้ความหมายแล้ว ... คิดว่าพอแล้ว ... ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นเลย มิฉะนั้นก็ไม่ต้องมีการบำเพ็ญบารมีนานเท่าไหร่!! แม้เพียงสาวกก็ยังนาน

ยิ่งผู้ทรงตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหนือบุคคลใดทั้งสิ้น ความประเสริฐสูงสุดของพระปัญญาคุณ ทำให้บริสุทธิ์จากกิเลส หมดจดจากกิเลส แม้แต่วาสนา (กิริยาอาการที่สะสมมาที่ไม่เหมาะสม) ไม่มีเลย ในขณะที่พระอรหันต์ทุกรูป รู้แจ้งอริยสัจจธรรมและดับกิเลสหมด แต่ก็ยังดับวาสนาไม่ได้ นี่คือความต่างกันมาก

ต้องเริ่มรู้สึกสำนึกตั้งแต่แรกว่า ฟังใคร!! ฟังอะไร!! สิ่งนั้นมีจริงๆ ไหม!! พระองค์ไม่ได้ให้ผู้ฟังทำตาม แต่ให้เป็นความเข้าใจที่ไม่เคยมีมาเลยในสังสารวัฏฏ์

ต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ขณะนี้ทุกคำของพระองค์เป็นอย่างที่พระองค์ตรัสเมื่อทรงตรัสรู้แล้วว่า " ธรรมะลึกซึ้ง " ใครกล่าว!! ผู้ที่ได้รู้แจ้งอริยสัจธรรม รู้ความลึกซึ้งอย่างยิ่งของธรรมะ ตรัสเพื่อให้ทุกคนไม่ประมาทที่จะรู้ว่า " รู้จักพระพุทธเจ้าจริงๆ หรือยัง "

เพียงได้ยินคำว่า " พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า " พระอรหันต์นั้นได้ยินทั่วๆ ไป แต่มีผู้ที่จะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงผู้เดียว เหนือบุคคลใดทั้งสิ้น

ฟังทุกคำไม่เผิน เป็นผู้ตรงต่อความเป็นจริง จึงจะสามารถรู้ความจริงได้ สัจจบารมี : ตรงตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เชื่อใครหรือฟังแล้วคิดเอง ... ไม่ได้เลย ... ต้องละเอียดรอบคอบทุกคำว่า แต่ละคำเปลี่ยนไม่ได้เลย และหมายความถึงอะไร และสิ่งนั้นมีจริงๆ ที่จะให้รู้หรือเปล่า!!! ถ้าสิ่งนั้นไม่มีจริง ไม่มีประโยชน์!! แต่ทุกคำของพระองค์คือสิ่งที่กำลังมีจริงเดี๋ยวนี้!!!!!

เชิญคลิกชม ...

รายการบ้านธัมมะ 11 มีนาคม 2566 เรื่อง ไม่รู้จักสติ เจริญสติได้ไหม

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย nattawan  วันที่ 21 ก.ย. 2566

สิ่งที่กำลังมีจริงเดี๋ยวนี้ ... หาเจอหรือยัง!! ถ้าไม่ฟังคำของพระองค์จะไม่มีใครรู้เลย แน่นอนว่า เดี๋ยวนี้อะไรเป็นสิ่งที่มีจริงๆ

การสนทนาธรรมทำให้มีโอกาสได้ฟัง ได้พบกัน เป็นมิตรผู้หวังดีต่อกัน ที่จะให้ทุกคนไม่หลงทาง ไม่เข้าใจผิดและได้รับประโยชน์ในสิ่งที่เงินทองมหาศาลก็ซื้อไม่ได้ คิดถึงค่าของสิ่งนั้น ไม่สามารถเอาเงินล้นฟ้ากี่โลกรวมกัน ที่จะซื้อความเข้าใจสิ่งที่ได้รับจากทุกคำของพระองค์

ประมาทไม่ได้เลย ใครจะคิดจะพูดอย่างไร ... เชื่อหรือ!! ... ต้องไตร่ตรองตามความเป็นจริง ถ้ากล่าวว่า คำนั้นเป็นคำของพระองค์ ต้องกล่าวให้เกิดความเข้าใจถูก และผู้ฟังไม่ใช่ตาม แต่คิดไตร่ตรองด้วยตัวเอง

การสนทนาธรรมเป็นมงคล การฟังธรรมก็มีในครั้งนั้น และมีการสนทนาธรรมด้วยในครั้งพุทธกาล หมายความว่า ต่างคนก็ต่างฟัง ต่างคนก็ต่างเข้าใจ แต่ละคนมีความคิดมากมาย แม้เดี๋ยวนี้ แต่ละหนึ่งที่คิดก็ไม่เหมือนกัน ... ในครั้งไหนก็ตาม

ได้ยินได้ฟังคำของพระองค์มีความเข้าใจอย่างไร ... ถูกต้องมากน้อยแค่ไหน ก็เป็นโอกาสที่ได้มีการสนทนาเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น ... นี่คือประโยชน์ไหม!! หรือว่าให้ไปทำอะไรทันที เพื่อจะได้อะไรก็ไม่รู้!!! แต่ก็ตามกันไปแล้วมากมาย ต้องตรง!!! จึงจะเป็นสัจจบารมี

วันนี้เป็นวันหนึ่งที่แต่ละคนมีจุดประสงค์ที่จะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องถึงที่สุดตามลำดับขั้น ถ้ามีคนกล่าวถึงนิพพาน ... สนใจบ้างไหมหรือพอได้ยินก็อยากถึงทันที!! แต่ถ้ารู้ว่านิพพานคืออะไรเสียก่อน จะรู้ได้เลยว่า แม้แต่เดี๋ยวนี้ยังไม่รู้สิ่งที่กำลังมี แล้วจะไปรู้สิ่งที่ยังไม่ถึง ... เป็นไปไม่ได้!!!

ต้องมีเหตุผลอย่างยิ่ง ทั้งหมดเพื่อให้เกิดความเห็นถูกเว้น เพื่อละความไม่รู้จึงมีความเห็นผิด ... นานเท่าไหร่แล้วในสังสารวัฏฏ์เกินแสนโกฏิกัปป์

กว่าจะค่อยๆ เข้าใจจนกว่าจะประจักษ์แจ้งในคำของพระองค์ ก็ต้องมาจากการฟัง เคารพในทุกคำที่จะต้องเข้าใจถูกยิ่งขึ้น ละเอียดขึ้น มั่นคงขึ้น และเริ่มรู้คุณของพระองค์เมื่อได้เริ่มเข้าใจถูกต้อง เข้าใจถูกเมื่อไหร่รู้คุณของพระองค์เท่านั้น

ถ้าไม่เข้าใจเลยแล้วบอกว่า เคารพนับถือพระองค์สูงสุด หมายความว่านับถือความไม่เข้าใจหรือ!!! แต่ต้องเพราะเข้าใจต่างหาก จึงรู้คุณของผู้ที่ทำให้สิ่งที่แม้กำลังมีเดี๋ยวนี้ก็ไม่เคยเข้าใจตามความเป็นจริง


ความคิดเห็น 2    โดย nattawan  วันที่ 21 ก.ย. 2566

จะรีบร้อนไหม ... จะไปไหน จะทำอะไร หรือจะเคารพในความจริง ฟังทุกคำจนกระทั่งเป็นความเข้าใจถูกของตนเอง

ความเข้าใจถูกนี้ ยิ่งเข้าใจถูกต้องเท่าไหร่ ยิ่งเห็นความลึกซึ้งเท่านั้น ที่รู้ว่าไม่มีทางที่จะรีบร้อนไปทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อที่จะรู้อย่างที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ... เป็นไปไม่ได้ แต่มีพระองค์เป็นแบบอย่าง ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่!!! นี่คือแบบอย่าง ... ทุกชาติด้วยความอดทน (ขันติบารมี) วิริยบารมี เนกขัมมบารมี เพื่อละความไม่รู้และอกุศลทั้งหลาย

ถ้ามีความเข้าใจถูก ... ขณะนี้ก็เป็นบารมี ที่จะให้เกิดปัญญา ที่จะทำให้เข้าใจถูกตามความเป็นจริงทุกอย่างจนสามารถรู้คุณของพระองค์ เมื่อได้ประจักษ์แจ้งความจริง

เป็นไปได้ ... แต่ไม่ใช่เราที่จะไปพยายามนั่งทำอะไรทั้งสิ้น ... แต่มีความเข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัส ซึ่งเป็นความจริงทุกขณะ ถ้าไม่ฟังคำของพระองค์จะรู้ไหมว่าความจริงของสิ่งที่มีจริงทุกขณะตั้งแต่เกิดจนถึงเดี๋ยวนี้คืออะไร!!!! เป็นผู้ตรง

วันนี้เป็นวันที่จะมีความอดทนที่จะรู้ว่า ความจริงเป็นสิ่งที่กำลังมี แต่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง และไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง ลวงให้ไม่สามารถรู้ความจริงได้ เป็นโอกาสที่ได้สนทนาเพื่อเข้าใจและละความสงสัย ละความเห็นผิดและละความไม่รู้

ตราบใดที่ไม่รู้ต้องเห็นผิดเพราะไม่รู้ แต่ถ้าเห็นถูกเมื่อไหร่ก็ค่อยๆ รู้ขึ้นตามความเป็นจริง ... อดทนไหม!!! อดทนทำอย่างอื่นได้ ... อดทนที่จะฟังแต่ละคำด้วยความตรงในความเป็นจริงของแต่ละคำ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง


ความคิดเห็น 3    โดย nattawan  วันที่ 21 ก.ย. 2566

ธรรมะเป็นเรื่องยากจริงๆ แม้ฟังก็ยังไม่เข้าใจเลย ถ้าไม่รู้จักสติจะเจริญสติได้ไหม!!

สติ คือ สภาพที่ระลึกไปในคุณความดี เกิดกับจิตที่ดีงามทุกขณะทุกประการ

สำคัญที่สุดคือฟังเพื่อเข้าใจ เป็นผู้ตรง เข้าใจแต่ละคำว่า หมายความถึงอะไร!! สิ่งที่มีจริงคืออะไร!! รู้ความจริงนั้นหรือยัง ... แม้เพียงคำเดียวซึ่งเป็นความจริงหนึ่ง (ความจริงมีมากมายหลายอย่าง) ต้องเริ่มรู้ว่าความไม่รู้มากมายมหาศาล ถ้าไม่เริ่มค่อยๆ เข้าใจ ... ไม่มีวันที่จะรู้จริงๆ

ต้องเป็นผู้ละเอียดตั้งแต่ต้น รู้ความลึกซึ้งอย่างยิ่ง จึงจะเริ่มฟังด้วยความเข้าใจว่า ฟังอย่างไร ... เพื่ออะไร ... เพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังมีจริงๆ ไม่ใช่เผินๆ

เป็นผู้ที่อดทน อีกนานเท่าไหร่ แต่รู้ได้ ไม่ใช่รู้ไม่ได้ ต้องเริ่มต้นละตั้งแต่เริ่มฟัง ไม่ใช่ฟังเพื่อไปทำอะไร เพื่อจะได้อะไร แต่ฟังเพราะรู้ว่า ความไม่รู้มากแค่ไหน ในชาตินี้เพียงชาตินี้ชาติเดียวยังมาก แล้วกี่ชาติที่ผ่านมาแล้วในสังสารวัฏฏ์จะมากสักเท่าไหร่!!! จะเอาออกไปได้อย่างไร ... ด้วยความอดทน ... ด้วยความเป็นผู้ตรง ... ด้วยการละ .. ยิ่งยาก!!! เพราะทุกคนมีความหวัง มีความต้องการ ... ละไม่ไหว ... ละไม่ได้ ... ถ้าจะได้ ... กำลังโกรธก็ละสิ!!!

ฟังธรรมะเพื่อละ แต่ถ้าไม่รู้ตามความเป็นจริงละไม่ได้!!! ไม่ใช่ให้ไปฝืนแล้วไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้น ปัญญาความเห็นถูกความเข้าใจถูกเท่านั้น ที่จะนำมาซึ่งบารมีทุกอย่าง ความอดทน ความพากเพียร ที่จะค่อยๆ เห็นโทษของอกุศลและรู้ว่ามีหนทางที่จะละต่อเมื่อรู้ ไม่ใช่ไปเพียรทำอะไรด้วยความไม่รู้ ... ก็ไม่รู้ต่อไป


ความคิดเห็น 4    โดย nattawan  วันที่ 21 ก.ย. 2566

ตราบใดที่ยังมีความไม่รู้ ก็ยังต้องมีพืชเชื้อให้เกิดขึ้นของนามธรรมและรูปธรรม เป็นสังสารวัฏฏ์ มีการสะสมสืบต่อของจิตและเจตสิก ตามเหตุตามปัจจัยที่ปรุงแต่ง ไปในทางดีบ้างชั่วบ้าง มีกรรมคือการกระทำที่ต่างกันไป ทำให้มีการรับผลของกรรมที่ต่างกันไป มีความเป็นไป และมีความสุขความทุกข์ต่างๆ กันไป ไม่เที่ยงเลย ... เพียงเกิดขึ้นแล้วดับไป แล้วไม่กลับมาอีกเลย เป็นอย่างนี้ทุกชาติจนกว่าจะรู้ความจริง เพราะฉะนั้น การช่วยเหลือใครที่ดีที่สุดควรจะช่วยให้มีความรู้ความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มีจริง ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ เพื่อละความไม่รู้

... ความอดทน เป็นตบะของผู้พากเพียร ...

พุทธศาสนสุภาษิต

กราบนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย chatchai.k  วันที่ 21 ก.ย. 2566

ยินดีในกุศลจิตครับ