สัลลสูตร ... เสาร์ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๓
โดย บ้านธัมมะ  28 พ.ย. 2553
หัวข้อหมายเลข 17572

ประโยชน์สูงสุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็คือ การได้เข้าใจพระธรรม การศึกษาพระธรรมต้องมีความเข้าใจเป็นลำดับขั้น ขั้นการฟังเพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่มีอยู่จริงต้องมีความเห็นถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ ไม่ใช่ไปรู้เรื่องราวของธรรม หรือจำชื่อได้มากมาย เมื่อมีความเห็นถูกต้องในลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ค่อยๆ อบรมเจริญความเห็นถูกในสภาพธรรมจนกว่าจะประจักษ์แจ้ง เพราะฉะนั้น ความเห็นถูกเป็นเบื้องต้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้สามารถประพฤติปฏิบัติต่อไป จนรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ ความเห็นถูกต้องในสภาพธรรมก็คือสัมมาทิฏฐิ

เชิญคลิกอ่านได้ที่...

สิ่งที่เป็นนิมิตมาก่อนการตรัสรู้อริยสัจจ์ [ปฐมสุริยูปมสูตร]

ขออนุโมทนาบุญครับ



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 28 พ.ย. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป สัลลสูตรที่ ๘ * ว่าด้วยความเป็นธรรมดาของสัตว์โลก
เหตุเกิดของพระสูตรนี้ คือ อุบาสกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดความเศร้าโศกเสียใจอย่างมากเมื่อบุตรชายของตนได้สิ้นชีวิตลง ตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ท่านถูกความเศร้าโศกท่วมทับ รับประทานอาหารไม่ได้ถึง ๗ วัน พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระพุทธประสงค์จะอนุเคราะห์เขาให้คลายจากความเศร้าโศก จึงตรัสสัลลสูตรนี้
สัลลสูตร เป็นพระสูตรที่แสดงถึงความเป็นจริงของชีวิต คือ ชีวิตของสัตว์ทั้งปวง ดำเนินไปสู่ความตายทุกขณะ ไม่มีนิมิตเครื่องหมายบ่งบอกให้รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ มีการเป็นอยู่ที่สั้น ประกอบไปด้วยทุกข์ ไม่มีการหยุดยั้งความตายได้เลย ทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย มีความพลัดพรากเป็นธรรมดา การเศร้าโศกเสียใจถึงบุคคลที่ตายไปแล้ว ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น บุคคลผู้มีปัญญา พึงถอนลูกศรคือกิเลสของตน เมื่อถอนลูกศรคือกิเลสได้แล้ว ย่อมไม่เศร้าโศกเสียใจอีกต่อไป

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความต่อไปนี้เพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น ครับ

ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราควรทำอะไร?

ทางเดินของชีวิต

ชีวิตที่ประเสริฐคือการได้เข้าใจธรรม

ชีวิตเนื่องด้วยปัจจัยหลายอย่าง

จะรอทำไมให้ถึงก่อนตาย

ทุกคนที่เกิดมา ล้วนมีความตายเป็นที่สุดทั้งนั้น

พักแล้วก็ต้องไปต่อ

สนทนาธรรมที่สระบุรี ... [๕] ลูกศรที่มองไม่เห็น

ที่พักและเสบียงในการเดินทางไกล

หมายเหตุ คำว่า สัลละ หมายถึง ลูกศร (ในที่นี้หมายถึงลูกศร คือ กิเลส มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น)

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


ความคิดเห็น 2    โดย hadezz  วันที่ 29 พ.ย. 2553

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย Jans  วันที่ 29 พ.ย. 2553

ทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย มีความพลัดพรากเป็นธรรมดา การเศร้าโศกเสียใจถึงบุคคลที่ตายไปแล้ว ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น บุคคลผู้มีปัญญา พึงถอนลูกศรคือกิเลสของตน เมื่อถอนลูกศรคือกิเลสได้แล้ว ย่อมไม่เศร้าโศกเสียใจอีกต่อไป

ขอบคุณและกราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 30 พ.ย. 2553

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย จักรกฤษณ์  วันที่ 30 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปันครับ


ความคิดเห็น 6    โดย prakaimuk.k  วันที่ 30 พ.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย orawan.c  วันที่ 1 ธ.ค. 2553
ขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 8    โดย ผิน  วันที่ 1 ธ.ค. 2553
ขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 9    โดย tegg2008  วันที่ 1 ธ.ค. 2553

ชีวิตที่ประเสริฐคือการได้เข้าใจธรรม

ขออนุโมทนาบุญครับ


ความคิดเห็น 10    โดย SRPKITT  วันที่ 2 ธ.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย Thirachat.P  วันที่ 3 ธ.ค. 2553

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย tegg2008  วันที่ 13 ม.ค. 2554

ผลไม้สุกงอมแล้ว ชื่อว่า ย่อมมีภัยเพราะจะต้องร่วงหล่นลงไปในเวลาเช้า ฉันใดสัตว์ทั้งหลายผู้เกิดแล้ว ชื่อว่า ย่อมมีภัย เพราะจะต้องตายเป็นนิตย์ ฉันนั้น.

ขอกราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 13    โดย swanjariya  วันที่ 27 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 14    โดย swanjariya  วันที่ 27 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 15    โดย สิริพรรณ  วันที่ 24 พ.ย. 2557

ขอนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

"ชีวิตบอบบางและเล็กน้อยมาก ดำรงอยู่ด้วยลมหายใจที่บางเบา" จึงควรใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยความไม่ประมาทที่จะเข้าใจความจริง ซึ่งคิดเองไม่ได้ นอกจากการศึกษา และปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าหนทางเดียวเท่านั้น...

กราบบูชาพระคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตด้วยความรู้พระคุณยิ่ง


ความคิดเห็น 16    โดย Nataya  วันที่ 2 เม.ย. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 17    โดย nattawan  วันที่ 15 ก.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 18    โดย chatchai.k  วันที่ 15 ก.ย. 2566

ยินดีในกุศลจิตครับ