ขอกราบแทบเท้าบูชาคุณของท่านอาจารย์สุจินต์ และกราบสวัสดีอาจารย์วิทยากรทุกท่านครับ
ผมขอสอบถามด้วยความไม่รู้อีกครั้งว่า ปัญญาของพระโสดาบันสามารถประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรมทีละหนึ่งขณะตลอดหรือไม่ครับ
ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การรู้การเกิดดับของสภาพธรรมเป็นเรื่องที่ไกลและเป็นปัญญาระดับสูง ผู้ที่ประจักษ์สภาพธรรมที่เกิดดับในขณะนี้ มี ผู้สะสมปัญญามามาก เกิดสติปัฏฐานจนเป็นวิปัสสนาฐาน ขั้นที่ ๔ ซึ่งก็ยังเป็นปุถุชน ยังไม่เป็นพระโสดาบัน ก็ประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรมได้ แต่รู้เพียงชั่วขณะ ไม่ได้รู้การเกิดดับของจิตไปทุกๆ ขณะตอดวิถีจิต ครับ
และ แม้พระอริยบุคคล เป็นพระโสดาบันแล้ว ก็มีปัญญาแตกต่างกันไป แม้เป็นพระอริยบุคคลด้วยกัน บางท่านก็รู้การเกิดดับของสภาพธรรมหลายขณะ แตกต่างกันออกไปตามความคมกล้าของปัญญา แต่ถ้าจะทุกขณะเลยตลอดวิถีแล้วก็ต้องเป็นผู้มีปัญญาละเอียดอย่างยิ่ง คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ครับ
ดังนั้น การรู้ในเรื่องนี้ ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์เพราะไม่ได้ประจักษ์ด้วยตนเองจริงๆ ประโยชน์คือความเข้าใจมั่นคงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราเป็นสำคัญ ที่เริ่มจากขั้นการฟัง ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเป็นพระโสดาบัน จะไม่กลับมาเป็นปุถุชนได้อีก มีแต่จะอบรมเจริญปัญญาเพื่อถึงความเป็นพระอริยบุคคลเบื้องสูงขึ้นไปจนถึงความเป็นพระอรหันต์
ในชีวิตของพระโสดาบัน แน่นอนท่านไม่ใช่พระอรหันต์ ยังมีขณะที่อกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ขณะที่อกุศลเกิด ปัญญาก็ไม่เกิด แต่ความเป็นพระโสดาบัน ไม่เปลี่ยน ท่านไม่มีกิเลสที่ท่านดับได้แล้ว กิเลสที่ท่านดับได้แล้ว จะไม่เกิดอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ ซึ่งการประจักษ์สภาพธรรมที่กำลังเกิดดับ ก็ตามกำลังปัญญาของแต่ละะท่าน
ที่ควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ การที่ปัญญาจะประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงๆ ตามความเป็นจริงได้นั้น ก็จะต้องเข้าใจถูกตั้งแต่เบื้องต้นว่าสิ่งที่มีจริงที่ปัญญาจะประจักษ์แจ้งตามความเป็นจริง นั้น ก็คือสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ไม่พ้นจากชีวิตประจำวันเลย พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงสภาพธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงๆ ที่เกิดขึ้นทางตาหู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทุกขณะโดยละเอียด เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาสาธุ และขอกราบขอบพระคุณอาจารย์เผดิม และอาจารย์คำปั่นอย่างสูงครับ
ขอบคุณที่เตือนสติให้เข้าใจว่า ต้องเห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม ต้องเริ่มจากขั้นการฟัง และต้องเข้าใจถูกตั้งแต่เบื้องต้น ครับ ผมจำได้ว่าท่านอาจารย์สุจินต์ว่า ต้องงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง แล้วก็งามในขั้นปลาย
คือให้เริ่มต้นจากการฟัง ให้เข้าใจทีละคำ ไม่ต้องเร่งรีบว่าจะไปนิพพานเร็วๆ ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เมื่อปัญญาถึงพร้อมบริบูรณ์ ก็เมื่อนั้นแหละ ผมเคารพอย่างที่สุดครับ และจะทำตัวให้เป็นคนว่าง่ายครับ ขอยึดท่านอาจารย์สุจินต์ และอาจารย์วิทยากรทุกท่านเป็นที่พึ่งเป็นกัลยาณมิตรตลอดไปจนกว่าจะถึงวันนั้นครับ นานแสนนานเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญ แต่ก่อนผมเคยนึกแต่ว่าจะต้องบวชเท่านั้น และต้องบรรลุให้ได้ภายในชาตินี้ แต่ตอนนี้ ผมเห็นแล้วว่า การศึกษาพระธรรมก็สามารถศึกษาในขณะที่เป็นคฤหัสถ์ได้ และได้เห็นแล้วว่า พระธรรมของพระพุทธเจ้าได้ช่วยขัดเกลาให้จิตใจของผมได้อ่อนโยนลง ได้ลดมานะความสำคัญตนลงได้บ้าง ได้เห็นประโยชน์ของการทำตนเป็นประดุจผ้าเช็ดธุลี ได้เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย และได้เห็นประโยชน์ของการเจริญกุศลในทุกๆ ทาง
ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงมา ณ ที่นี้ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ