หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๖๐๙]
เพราะไม่รู้ จึงเป็นเรา เขลามานาน
คุณอรวรรณ เชิญรุ่งโรจน์ : เพราะไม่รู้จึง เป็นเรา เขลามานาน
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ : เดี๋ยวนี้ใคร? เป็นคุณวิชัยใช่ไหม? แต่ความจริงสิ่งที่ปรากฏทางตาไม่ใช่คุณวิชัย ไม่ใช่ดอกไม้ ไม่ใช่โต๊ะ ไม่ใช่เก้าอี้ เพราะฉะนั้นความไม่รู้กับความรู้ก็ต่างกันมาก เพราะไม่รู้ ก็จึงยึดถือสิ่งที่ปรากฏว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เขลามานานเท่าไหร่ ไม่รู้มานานเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นการที่จะให้รู้จริงๆ จนกระทั่งละความไม่รู้ ไม่ใช่วันสองวันเลย เปรียบเทียบกับการสะสมความไม่รู้ที่ผ่านมาแล้วนานแสนนาน ก็ต้องอาศัยพระธรรมแต่ละคำ ฟังแล้วพิจารณา แล้วไตร่ตรอง แล้วค่อยๆ เข้าใจตามความเป็นจริง จะรู้ได้ว่าแม้คำจริงอย่างนี้ ไม่มีใครค้านได้เลย แต่ก็ยากแสนยากที่จะคล้อยตามและรู้ว่าขณะนี้ไม่มีใครเลย ทั้งหมดเป็นธรรมซึ่งมีปัจจัยเกิดขึ้นปรากฏแล้วก็ดับไป แต่อาการเกิดขึ้นดับไปไม่ปรากฏ ปรากฏแต่เพียงการสืบต่อซึ่งเป็นนิมิต ทำให้เป็นปัญญัติ รู้ได้โดยอาการของนิมิตนั้นๆ ว่าสิ่งที่ปรากฏทางตา รูปร่างสัณฐานอย่างนี้ นิมิตอย่างนี้ เป็นคนเป็นสัตว์ และเพราะไม่รู้ความจริงก็ยึดมั่น แม้ว่าได้ฟังว่าขณะนี้เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ชอบสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ เท่านั้นไม่พอ สิ่งที่เห็นเป็นคนนั้น เพิ่มความพอใจในสิ่งที่ปรากฏ และยังจำได้ว่าเขาเป็นใคร ถ้าคุ้นเคยกันมากก็อาจจะจำได้จนกระทั่งว่าเคยสนุกสนาน เคยไปเที่ยว เคยรับประทานอาหาร เคยสนทนากัน แต่ตามความเป็นจริง ก็คือไม่มีอะไรที่เหลือเลย นอกจากจำในสิ่งที่ไม่มี และยังเข้าใจว่ายังมีอยู่ เป็นอย่างนี้หรือเปล่า?
เพราะฉะนั้นความจริงก็คือว่าถ้าไม่รู้จริงๆ อย่างนี้ แค่ฟังแค่นี้ ไม่สามารถที่จะละการยึดถือได้ ต้องฟังอีก แล้วค่อยๆ คล้อยตามไปจนกระทั่งค่อยๆ ละคลายความติดข้อง รู้ความจริงเพิ่มขึ้น สภาพธรรมจึงจะปรากฏตามความเป็นจริงได้ เพราะเป็นจริง เห็นเกิดจริงๆ เห็นดับจริงๆ เพราะฉะนั้น เมื่อสิ่งนั้นมีจริง ปัญญาเท่านั้นที่สามารถที่จะรู้ได้ต่อเมื่อคลายความติดข้องและความไม่รู้ที่เคยยึดถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย
กราบอนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ