เคยได้ฟังเสียงธรรมบรรยาย ของ อ.สุจินต์ ว่าเจ้ากรรมนายเวรไม่มีจริง และการแผ่เมตตา ควรที่จะแผ่ให้กับคนที่มีชีวิตอยู่ เพราะคนที่สิ้นชีวิตไปแล้วไม่อาจจะรับทราบได้ และการแผ่ส่วนกุศล มีความหมายนัยเดียวกันหรือไม่? หรือสามารถแผ่ให้กับผู้ล่วงลับได้ ถ้าเขาเหล่านั้นอนุโมทนาเอา
กรุณาตอบหน่อยนะครับ
เมื่อบุคคลทำบุญอย่างใดอย่างหนึ่งควรอุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้วหรือบอกแก่ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อให้เขาอนุโมทนา หรืออุทิศให้แก่เทพดา อมนุษย์ทั้งหลายที่ล่วงรู้ในกุศลที่เราได้กระทำแล้ว ขอเชิญอ่านต่อที่นี่ ..
การอุทิศส่วนกุศล
การอุทิศส่วนกุศลคือ การทำความดีที่เป็นไปในการให้ทานด้วยวัตถุสิ่งของ หรือให้อภัยทาน ธรรมทาน หรือกุศลที่เป็นไปในศีล ๕ ฯลฯ และการอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ผู้มีคุณธรรม การช่วยเหลือคนอื่น การฟังธรรม การแสดงธรรม หลังจากทำกุศลแล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว หรือจะบอกให้คนอื่นอนุโมทนาในความดีที่เราทำก็ได้ ส่วนการแผ่เมตตา จะต้องเจริญถึงปฐมฌานจึงจะแผ่ได้ เบิ้องต้นให้เจริญเมตตากับคนทั่วไปก่อนคือ เห็นทุกคนแล้วมีความรู้สึกเป็นมิตร เป็นเพื่อนความสนิทสนม ความหวังดี ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เขา ฯลฯ
การแผ่เมตตาให้กับบุคคลใด บุคคลหนึ่งนั้น ต้องกรวดน้ำด้วยหรือไม่
บุญอยู่ที่จิต บาปก็อยู่ที่จิต แต่จิตเกิดก็ต้องมีเจตนาด้วยครับ ดังนั้น บุคคลที่ไม่รู้คำสวดนี้หรือการกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลได้ไหมครับ ถ้าบุคคลนั้นมีเจตนา ตั้งใจที่จะอุทิศ แม้ไม่ต้องสวดหรือกรวดน้ำ แต่คิดในใจด้วยเจตนาอุทิศให้ ขณะนั้น จิตเป็นกุศลเป็นไปใน ปัตติทานมัย (การอุทิศให้) ดังนั้น บุญจึงไม่ได้อยู่ที่คำสวดภาษาบาลี หรือการกรวดน้ำ แต่อยู่ที่เจตนาที่จะอุทิศให้ด้วยความหวังดี บุญจึงอยู่ที่จิตครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ยินดีในกุศลจิตค่ะ