รู้ความจริงในสิ่งที่ปรากฏ ทำไมถึงละอกุศลได้ เช่น เข้าใจว่า ขณะที่อยากสูบบุหรี่ เป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง ที่มีจริงไม่ใช่เราจริงๆ เกิดแล้วด้วย หลังจากนั้นก็หยิบบุหรี่มาดูดเฉย แล้วก็เข้าใจว่า ที่หยิบบุหรี่มาสูบเฉย ก็เป็นอุปนิสัยที่สะสมมาที่จะดูด พอดูดเสร็จก็เซ็ง ก็เข้าใจว่าเซ็งก็เป็นธรรมชนิดหนึ่งที่มีจริง แล้วก็วนเวียน เรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับบุหรี่ ก็วนเวียนทั้งวัน
ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจความจริงของอกุศลว่าคืออะไร
อกุศล คือ สภาพธรรมที่ไม่ดี มีโทษ ซึ่งสภาพธรรมที่ไม่ดีมีโทษ ไม่ใช่มีเพียงอย่างเดียว แต่มีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น โลภะ-ความอยาก โทสะ-ความโกรธ โมหะ-ความหลง เป็นต้น แสดงให้เห็นว่าอกุศลมีมาก ทั้งที่ปรากฏและไม่ปรากฏ ทั้งที่รู้และไม่รู้ เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงหนทางการดับกิเลสด้วยการอบรมเจริญปัญญา คือการเจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏอันเป็นหนทางการดับกิเลส ซึ่งการละกิเลสก็จะต้องละเป็นลําดับไม่ข้ามขั้น ซึ่งผู้ที่จะละความอยาก ยินดีพอใจใน รูป เสียง เป็นต้น จะต้องเป็นพระอนาคามี เพราะฉะนั้นก็จะต้องถึงความเป็นพระโสดาบันก่อน โดยต้องละความเห็นผิดที่ยึดถือว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล เสียก่อน เพราะฉะนั้นขณะที่เกิดสติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมว่าเป็นแต่เพียงธรรมะ ไม่ใข่เรา เช่น ขณะที่สูบบุหรี่ก็รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมะที่ไม่ใข่เรา อยาก ขณะนั้นไม่ได้ละความอยากจนหมดสิ้น แต่กำลังอบรม คือละความไม่รู้และความสำคัญผิด ละความเห็นผิดว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล ไปทีละน้อย จนในที่สุดสามารถละกิเลสคือความเห็นผิดได้ และสามารถละความอยากและกิเลสอื่นจนหมดสิ้น แต่ต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานมากๆ ครับ แต่เพราะดำเนินตามหนทางนี้ คือสติเกิด ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ก็จะค่อยๆ ละความไม่รู้และความเห็นผิด ครับ ซึ่งก็เริ่มจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ในขณะที่ฟังเข้าใจก็ค่อยๆ ละความไม่รู้ เป็นขั้นการฟัง ไปทีละน้อย เหมือนการจับด้ามมีด ไม่รู้เลยว่าสึกแต่ค่อยๆ สึกแล้วโดยไม่รู้เลย
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา ครับ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้าไม่มีปัญญาความเข้าใจถูก เห็นถูกในสภาพธรรมที่กำลังมี กำลังปรากฏในขณะนี้ ก็ย่อมไม่สามารถละกิเลสอะไรๆ ได้เลย ซึ่งจะต้องเป็นเรื่องของปัญญา ความเข้าใจถูก เห็นถูกโดยตลอด เรื่องของการละกิเลสเป็นเรื่องที่ไกลมากซึ่งจะต้องอาศัยการสะสมปัญญาไปทีละเล็กทีละน้อยจริงๆ หรือยังไม่ต้องกล่าวถึงการละกิเลสก็ได้ แต่ขณะนี้ มีความเข้าใจถูกเห็นถูก มากน้อยแค่ไหนแล้ว บุคคลผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม ท่านก็จะไม่ว่างเว้นจากการฟังพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวันเลย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ