ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
หัวใจของการศึกษาธรรมคือ เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ไม่ว่าศึกษาธรรมหรือได้ยินได้ฟังพระธรรมจากส่วนใดควรเข้าใจความจริงว่า ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประวัน ไม่ว่าพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรมก็คือสภาพธรรมขณะนี้เอง ปัญญาขั้นการฟังที่เห็นถูกจึงเริ่มด้วยความเข้าใจว่าธรรมคืออะไร อยู่ในขณะไหน การฟังพระธรรมไม่ว่ามากหรือน้อยก็ย่อมเข้าใจว่าไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นคือ เข้าใจสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ นี่คือหัวใจ
ส่วนเครื่องบำรุงหัวใจคือ อบรมบารมีในชีวิตประจำวัน ขัดเกลากิเลส เจริญกุศลทุกๆ ประการฟังด้วยความเห็นถูกเพื่อเข้าใจความจริงที่มีในขณะนี้ หวังว่าคงไม่ลืมหัวใจ ถ้าเข้าใจความจริงก็จะเข้าใจว่า หัวใจมีจริงไหม? ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
หัวใจของการศึกษาธรรมคือ เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้
ขออนุโมทนาค่ะ
หัวใจไม่มีค่ะ มีแต่ปรมัตถธรรม อนุโมทนา
หัวใจหรือแก่นของพระพุทธศาสนา คือ ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่พ้นไปจากปรมัตถธรรมอันได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพานซึ่งก็คือ นามธรรม และรูปธรรม ที่เข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนสภาพธรรมที่เกิดดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ การไม่รู้สภาพธรรมตามความจริงคือ อวิชชา เป็นเหตุแห่งทุกข์ คือ สมุทัย มีสภาพธรรมที่พ้นทุกข์ได้จริง พ้นจากสังสารวัฏฏ์ คือ นิโรธ และหนทางเดียว ที่จะดับทุกข์ได้จริง พ้นจากสังสารวัฏฏ์ คือมรรค ๘
มรรคมีองค์ ๘ คือ การเจริญสติปัฏฐาน
ปรมัติธรรม ๔ และ อริยสัจจ์ ๔ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
หากเข้าใจแก่นแท้ ทุกคาถาในพระไตรปิฎกทั้ง ๓ จะไม่ขัดกันเลยเพราะเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสทุกระดับสูงสุดก็คือ ไม่มีกิเลสอีกเลย ซึ่งก็คือ พระนิพพานอันเป็นสิ่งที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอริยสาวกได้ทรงพิสูจน์แล้ว
หัวใจของศาสนาพุทธคือ
1. สอนให้ละความชั่ว
2. สอนให้ทำความดี
3. อบรมจิตให้ผ่องใส
เบื้องต้นของการศึกษาธรรมะจุดประสงค์เพื่อรู้แล้วละ เพื่อเป็นคนดี และทำความดีค่ะ
ทำไมบางท่านว่ามีหัวใจ บางท่านว่าไม่มีหัวใจ นี่เราจะไม่เอาบัญญัติกันเลยหรือไง รอยเท้าสัตว์น้อยใหญ่ก็รวมลงอยู่ในรอยเท้าช้าง คือ รูป-นาม คือสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ เห็น ได้ยิน ฯลฯ เพราะชวนวิถีจิตเกิดดับซ้ำกัน ๗ ขณะ อย่ากลัวเลยว่าจะไม่มีสภาพธรรมปรากฏให้รู้ ทาน ศีล ภาวนา ก็เพื่อระลึกรู้สภาพธรรมในขณะนี้
หัวใจมีจริงไหม
ความจริงมี ๒ อย่าง คือ สมมติสัจจะและปรมัตถสัจจะ
หัวใจมีจริงไหม เมื่อว่าโดยความจริงแท้แล้ว (ปรมัตถสัจจะ) มีแต่นามธรรมและรูปธรรม อาจจะกล่าวว่านี่ไงหัวใจ มีเมื่อไหร่ก็เมื่อคิด ขณะหลับสนิท หัวใจอยู่ไหน ขณะเห็น หัวใจมีไหม ขณะได้ยิน ได้กลิ่น...เป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น หัวใจที่เป็นก้อนๆ ก็เป็นเพียงการประชุมรวมกันของธาตุดิน...ลม
ดังนั้น สิ่งที่มีจริงคือรูปธรรม แต่บัญญัติสมมติให้เข้าใจกัน ตรงกันว่าเรียกว่า หัวใจ จริงโดยสมมติขึ้นเพื่อให้เข้าใจ ตรงกัน จึงควรเข้าใจว่าอธิบายโดยนัยไหน คือถ้าอธิบายโดยการอบรมปัญญาเพื่อเข้าใจความจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา หัวใจไม่มี มีแต่สภาพธรรม แต่อธิบายเพื่อสื่อให้เข้าใจโดยสมมติก็มีจริงอีกนัยหนึ่งครับ
ขออนุโมทนา
ศึกษาธรรม....เพื่อความเห็นตรง
เพื่อความไม่ติด
สิ่งสำคัญ (จะเรียกว่าหัวใจก็สุดแท้แต่) ในการศึกษาพระธรรม คือ เพื่อ ละ ขั้นต้นก็เพื่อละความไม่รู้ (เจริญปัญญาซึ่งมีหลายขั้น) ต่อๆ ไปก็คือการละอกุศลชนิดต่างๆ เริ่มตั้งแต่ ความเห็นผิด ครับท่าน
"ขั้นต้นก็เพื่อละ ความไม่รู้ (เจริญปัญญาซึ่งมีหลายขั้น) ต่อๆ ไปก็คือการละอกุศลชนิดต่างๆ เริ่มตั้งแต่ ความเห็นผิด" ความไม่รู้เป็นรากเหง้าแห่งอกุศลธรรมทั้งปวง เป็นสิ่งที่ละยากที่สุด และเป็นสิ่งที่จะละได้เป็นลำดับสุดท้าย ด้วยอรหัตตมรรค
ดังนั้น สิ่งที่จะต้องละเป็นลำดับแรก คือ ความเห็นผิด เพราะตราบใดที่ยังมีความเห็นผิด ย่อมนำไปสู่ข้อปฏิบัติที่ผิดๆ ค่ะ ซึ่งไม่ใช่หนทางที่จะนำออกจากสังสารวัฏฏ์
ขออนุโมทนาครับ