[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 380
๑๔. ปทุมปุปผสูตร ว่าด้วยภิกษุขโมยกลิ่นปทุม
[๗๙๕] สมัยหนึ่ง ภิกษุรูปหนึ่ง พำนักอยู่ในแนวป่าแห่งหนึ่งในแคว้นโกศล สมัยนั้นแล ภิกษุนั้นกลับจากบิณฑบาตภายหลังเวลาฉัน ลงสู่สระโบกขรณีแล้วสูคดมดอกปทุม.
[๗๙๖] ครั้งนั้นแล เทวดาผู้สิงอยู่ในแนวป่านั้น มีความเอ็นดู ใคร่ประโยชน์แก่ภิกษุนั้น หวังจะไห้เธอสลด จึงเข้าไปหาถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวกะเธอด้วยคาถาว่า
ท่านสูดดมดอกไม้ที่เกิดในน้ำซึ่งใครๆ ไม่ได้ให้แล้ว นี้เป็นองค์อันหนึ่ง แห่งความเป็นขโมย ท่านผู้นิรทุกข์ ท่านเป็นผู้ขโมยกลิ่น.
[๗๙๗] ภิกษุกล่าวว่า เราไม่ได้นำไป เราไม่ได้หัก เราดมดอกไม้ที่เกิดในน้ำห่างๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านจะเรียกว่าเป็นผู้ขโมยกลิ่นด้วยเหตุดังรือ ส่วนบุคคลที่ขุดเง่าบัว หักดอกบัวบุณฑริก เป็นผู้มีการงานอันเกลื่อนกล่นอย่างนี้ ไฉนท่านจึงไม่เรียกเขาว่าเป็นขโมย.
[๗๙๘] เทวดากล่าวว่า บุรุษผู้มีบาปหนา แปดเปื้อนด้วยราคาทิกิเลสเกินเหตุ เราไม่พูดถึงคนนั้น แต่เราควรจะกล่าวกะท่าน บาปประมาณเท่าปลายขนทราย ย่อมปรากฏประดุจเท่าก่อนเมฆในนภากาศแก่บุรุษผู้ไม่มีกิเลส ดังว่าเนินผู้มักแสวงหาไตรสิกขาอันสะอาดเป็นนิจ.
[๗๙๙] ภิกษุกล่าวว่า ดูก่อนเทวดา ท่านรู้จักเราแน่ละ และท่านเอ็นดูเรา ดูก่อนเทวดา ท่านเห็นธรรมเช่นนี้ในกาลใด ท่านพึงกล่าวอีก [ในกาลนั้น] เถิด.
[๘๐๐] เทวดากล่าวว่า เราไม่ได้อาศัยท่านเป็นอยู่เลย และเราไม่ได้มีความเจริญเพราะท่าน ดูก่อนภิกษุ ท่านพึงไปสุคติได้ด้วยกรรมที่ท่านพึงรู้.
ลำดับนั้นแล ภิกษุนั้นเป็นผู้อันเทวดานั้นให้สลด ถึงซึ่งความสังเวชแล้วแล.
จบปทุมปุปผสูตร
สาธุ