เรื่องมีอยู่ว่า พ่อผมเสียชีวิตที่บ้าน ด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ระหว่างที่รอตำรวจและหมอมาชันสูตรที่บ้าน ผมเองนึกขึ้นมาได้ ว่าควรปั้มหัวใจให้พ่อ เผื่อพ่อจะฟื้นขึ้นมา ผมจึงใช้มือทุบที่หน้าอกพ่อ 3 ครั้ง ไม่แรง แต่ก็ไม่มีอาการตอบสนองใดๆ ผมจึงหยุด หลังจากผ่านพ้นงานศพมา ผมมาย้อนคิดทบทวน เรื่องราว ถ้าเกิดว่าตอนที่ผมทุบหน้าอกพ่อแล้วพ่อเกิดยังไม่ตาย แต่พ่ออาจจะตายด้วยการทุบของผม ผมจะบาปอนันตริยกรรมมั้ยครับ ผมเข้าใจดีว่าให้ดูที่เจตนา เจตนาไม่มี ไม่มีกรรม แต่มันก็อดคิดไม่ได้ จิตคอยแต่จะปรุงแต่ง ต่างๆ นานา เครียดมากครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เจตนาเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าก็ไม่ได้เป็นบาปกรรม และตามเหตุการณ์ที่เล่ามา บางทีคุณพ่ออาจจะสิ้นชีวิตก่อนหน้านั้นแล้วก็ได้ ทุกชีวิตเกิดมาแล้วก็ต้องมีความตายเป็นธรรมดา ไม่มีใครรอดพ้นไปได้แม้แต่คนเดียว และเราก็ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจุติจิต ซึ่งเป็นจิตขณะสุดท้ายในชาตินี้ จะเกิดขึ้นเมื่อใด สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ คือ ทำความดีแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน พร้อมกันนั้นก็ต้องมีการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ เมื่อมีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็จะทำให้คิดถึงเรื่องของธรรมที่ได้ยินได้ฟังมากขึ้น แทนที่จะไปคิดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วซึ่งไม่สามารถจะไปทำอะไรได้ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อนันตริยกรรม คือ การกระทำที่ให้ผลในภพไม่มีระหว่าง หมายถึง ครุกรรมในฝ่ายอกุศลซึ่งจะให้ผลเป็นชนกกรรม นำปฏิสนธิในอบายภูมิ หลังจากสิ้นชีวิตจากชาตินี้แล้วแน่นอน ไม่ว่าจะเจริญกุศลที่มีอานิสงส์มากอย่างไร ก็ไม่สามารถลบล้างการให้ผลของอนันตริยกรรมได้
อนันตริยกรรม มี ๕ อย่าง คือ ...
๑. ฆ่ามารดา
๒. ฆ่าบิดา
๓. ฆ่าพระอรหันต์
๔. ทำโลหิตของพระพุทธเจ้าให้ห้อ
๕. ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน
ซึ่งในประเด็นที่ผู้ถาม ถามนั้น มีเจตนาที่จะรักษาบิดา ไม่ได้มีเจตนาฆ่าบิดา แม้แต่น้อยเลย เพราะฉะนั้น แม้บิดา จะมีชีวิตอยู่ และตาย เพราะการทุบอกก็ตามก็ไม่เป็นบาป แม้เล็กน้อยเลย เพราะขณะนั้น จิตเป็นกุศล มีเจตนาช่วยเหลือท่านให้ฟื้น และ การที่ท่านเสียชีวิต ก็เพราะ กรรมของท่านเอง ดั่งเช่น ที่แพทย์รักษาคนไข้ มีเจตนารักษา แต่สุดท้าย กำลังผ่าตัด คนไข้ก็ตาย อย่างนี้ แพทย์มีเจตนารักษา แม้คนไข้ตาย ก็เป็นกุศลเจตนา เป็น บุญ ไม่ใช่บาปเลย เพราะ บาปจะต้องมีเจตนาที่ไม่ดี มีเจตนาฆ่า เป็นต้น และ เมื่อมีเจตนาฆ่า คนไข้ตาย จึงเป็นบาป ครับ
เพราะฉะนั้น ขอให้สบายใจได้ ไม่เป็นอนันตริยกรรม ไม่เป็นบาปโดยประการใดเลย กลับเป็น บุญ กุศล ในขณะที่ทำการช่วยบิดาด้วย ส่วนการตายของบิดา ก็เป็นกรรมของบิดาเอง ครับ สบายใจได้
สิ่งที่ควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ พระคุณของมารดาบิดาที่ท่านได้กระทำต่อบุตรนั้น มีมากมายมหาศาล ยากที่จะพรรณนาให้หมดสิ้นได้ ท่านเป็นผู้ที่เอาใจใส่เลี้ยงดูบุตรให้เจริญเติบโตอย่างปลอดภัย โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ท่านเป็นผู้พร่ำสอนให้บุตรออกจากความชั่วแล้วให้ตั้งอยู่ในความดี สอนให้รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ พร้อมทั้งให้ศึกษาศิลปวิทยา เพื่อให้บุตรมีความรู้ติดตัวอันจะเป็นบ่อเกิดแห่งการงานประการต่างๆ ซึ่งจะทำให้ชีวิตของบุตร ดำเนินไปด้วยความไม่เดือดร้อนในภายภาคหน้า เป็นต้น เมื่อมารดาบิดาเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อบุตร มากมายมหาศาลอย่างนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่บุตรจะต้องมีความกตัญญูกตเวที คือ รู้ถึงพระคุณที่มารดาบิดากระทำแก่ตนแล้วกระทำตอบแทนท่าน ถ้าหากว่าบุตรคนใดไม่รู้คุณ อีกทั้งไม่ทำการตอบแทน พระคุณของมารดาบิดา บุตรนั้นย่อมได้ชื่อว่าเป็นบุตรอกตัญญู เป็นคนไม่ดี
เพราะฉะนั้นแล้ว ในฐานะที่เป็นบุตรธิดา ก็ควรที่จะได้ทำหน้าที่ของบุตรธิดาให้ดีที่่สุด ตั้งใจเป็นคนดี ดูแลท่านอย่างดีที่สุด ไม่กระทำในเรื่องใดๆ ที่จะเป็นเหตุให้ทั้งตนเอง และผู้อื่นเดือดร้อน และประการที่สำคัญ เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ไม่ว่าจะในกรณีใดๆ ก็ตาม การสนทนาพูดคุยปรับความเข้าใจกันด้วยความอดทน ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ควรที่จะได้กระทำ และที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เกื้อกูลสำหรับทุกชีวิต นั่นก็คือการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ และ เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ไม่ลืมอุทิศส่วนกุศลไปให้เสมอ ครับ
ขออนุโมทนา
...กราบขอบพระคุณอาจารย์ทั้ง 2 ท่านมากๆ เลยครับ ... ด้วยความสัตย์จริงผมรู้สึกสบายใจมาก จนถึงกับร้องไห้ออกมาเลย ครับ
.... ณ ขณะนั้น ที่ทุบนั้น ต้องการให้พ่อฟื้นครับ ... แต่เมื่อมาคิดย้อนหลังแล้ว ผมเองไม่มีความรู้ทางแพทย์เลย ... เป็นการกระทำที่เป็นบาปมั้ยครับ ... ในฐานะที่ไม่รอบคอบ ณ ขณะนั้น ผมคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ครับ งงไปหมดเลย ... ว่าจะทำสิ่งไหนก่อนดี
ไม่บาปครับ เพราะ ไม่มีเจตนาทำร้ายบิดา ครับ
ขออนุโมทนา
ดี เลวนั้น ตัวผมเองก็ทราบอยู่แก่ใจ แต่ด้วยความที่ อนันตริยกรรมเป็นกรรมหนัก ซึ่งผมเองทราบมาช้านานฝังลึกอยู่ในสมองของผมแล้วว่า เป็นกรรมที่น่ากลัวมาก จะไม่มีวันกระทำโดยเด็ดขาด ... ทั้งๆ ที่ไม่ได้กระทำ แต่ดูเหมือนจะใกล้เคียงมาก เพียงแค่จิตคิดดีเท่ากับบุญ คิดร้ายเท่ากับบาป จิตนั้นคอยวิตกจริตมากครับ ผมควรจะเจริญธรรมทางด้านไหนดีครับอาจารย์ เพื่อแก้ปัญหาแห่งจิตอันวิตกจริตปรุงแต่งต่างๆ นานา นี้
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เรียน ความเห็นที่ 8 ครับ
อาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ไปเรื่อยๆ ความวิตกกังวล ที่เป็นโทสะยังไม่หมดง่ายๆ ต้องใช้เวลา และ สะสมกิเลสมามาก ต้องค่อยๆ สะสมปัญญาไปทีละน้อย ครับ
ขออนุโมทนา
ขอถามอีกข้อครับอาจารย์ ถ้าเรารู้ว่า พ่อหรือแม่อาการโคม่าด้วยอาการป่วยหนัก กำลังจะตาย ต้องตายแน่ๆ แต่เราไม่ดิ้นรน ในการช่วยเหลือท่านเลย ปล่อยให้ตายไป จิตคิดว่าท่านกำลังจะไปสบายแล้ว ตัวเราเองก็จะไม่ลำบากในการดูแลต่อไป อันนี้ถือเป็นอนันตริยกรรมมั้ย ครับ
จะเป็นอนันตริยกรรม คือ จะต้องมีเจตนาฆ่า เจตนาไม่ช่วย กับ เจตนาฆ่า แตกต่างกัน เพียงแต่ การไม่ช่วย แม้ไม่ฆ่า แต่ก็ถือว่า เป็นลูกที่ไม่ดี เป็นอกุศลเช่นกัน ครับ
ขออนุโมทนาครับ