โดยความเคารพอย่างสูง จะค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อยได้อย่างไร ในเมื่อทุกอย่างบังคับไม่ได้
ขอขอบคุณที่ให้ความรู้เป็นทาน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มั่นคงเสมอว่า มีแต่ธรรม ไม่ใช่เรา และอรรถะแต่ละคำก็ละเอียดลึกซึ้ง แม้แต่คำว่าทุกอย่างบังคับไม่ได้ แต่ก็ต้องมีคำต่อไปว่า เพราะเป็นไปตามเหตุปัจจัย คือ เป็นไปตามสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป ที่ไม่ใช่เรา แต่เพราะมีเหตุ คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้น ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดสภาพธรรมอย่างอื่นได้ โดยบังคับไม่ได้ ในที่นี้ คือ ไม่มีเรา ไปบังคับ แต่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยครับ เพราะฉะนั้น จากข้อความที่ถามว่า
จะค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อยได้อย่างไรในเมื่อทุกอย่างบังคับไม่ได้
ไม่มีเราที่จะไปสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ไปทีละน้อย แต่เป็นธรรมที่ทำหน้าที่เป็นไปตามเหตุปัจจัยคือ ไม่สามารถบังคับด้วยความเป็นเรา แต่เมื่อสะสมความเข้าใจถูก อะไรที่สะสม จิต เจตสิกที่สะสม ไม่ใช่เรา ที่เมื่อได้เกิดการฟัง แล้วเข้าใจถูก อะไรที่เข้าใจถูก ไม่ใช่เรา และเราก็บังคับให้เข้าใจถูกก็ไม่ได้ แต่เป็นธรรม คือปัญญาที่เกิดขึ้น ตามเหตุปัจจัยที่เคยสะสมความเข้าใจมา เมื่อได้ก็ทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้น ทีละน้อย อะไรที่ละน้อย ปัญญา เกิดขึ้นทีละน้อย บังคับให้เข้าใจ หรือไม่เข้าใจก็ไม่ได้ด้วยความเป็นเรา แต่ธรรมเกิดแล้วตามการสะสม ตามเหตุปัจจัย
เพราะฉะนั้น เมื่อมีเหตุปัจจัย คือ ธรรมเกิดขึ้น ที่เกิดโสตวิญญาณ ทีได้ยินเสียง ที่เป็นเสียงธรรม แล้วปัญญาเกิดขึ้น ที่เป็นธรรมฝ่ายดี ก็สะสมความเข้าใจไปทีละน้อย ที่จิตสะสมต่อไป เป็นการแสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างบังคับไม่ได้ แต่เกิดตามเหตุปัจจัย คือ สะสมความเข้าใจมาและได้ยินฟังธรรม จึงเกิดปัญญา ความเข้าใจถูกเพิ่มขึ้นนั่นเอง ครับ เป็นจิรกาลภาวนา สะสมปัญญาอย่างยาวนาน จนดับกิเลสได้ในที่สุด ซึ่งไม่มีเรา แต่เป็นหน้าที่ของธรรมทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น คำว่า ทุกอย่างบังคับไม่ได้ มีความละเอียดลึกซึ้ง เพราะแสดงว่าเป็นแต่เพียงธรรม แต่บังคับไม่ได้ เพราะตามเหตุปัจจัย คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นแต่ละอย่างนั่นเอง ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะทรงแสดงในส่วนใดก็ตาม ย่อมไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้
ถ้าเป็นผู้ที่มีความละเอียดรอบคอบ ไม่ประมาทพระธรรมว่าง่าย ศึกษาด้วยความตั้งใจ ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ พระธรรมแม้จะยาก แต่ก็ไม่เหลือวิสัยที่จะเข้าใจได้
ที่สำคัญ คือ ไม่ขาดการฟัง ไม่ขาดการศึกษาพิจารณาไตร่ตรอง ไม่ว่างเว้นจากการฟังพระธรรม และมีจุดประสงค์ที่ถูกต้องในการศึกษาว่า เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง
เพราะฉะนั้น ในเมื่อพระธรรมละเอียดลึกซึ้ง ก็ยิ่งจะต้องมีความอดทนเป็นอย่างยิ่งที่จะค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เป็นการศึกษาพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ใช่คิดเอาเอง และจุดประสงค์ในการศึกษาต้องตรง คือ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกขัดเกลาความไม่รู้ ซึ่งมีมากเป็นอย่างยิ่ง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ดังนั้น ไม่ว่าความเข้าใจถูกหรือความเข้าใจผิดก็ต้อง มั่นคงเสมอว่า มีแต่ธรรม ไม่ใช่เรา ทุกอย่างบังคับไม่ได้ เพราะเป็นไปตามเหตุปัจจัย คือ เป็นไปตามสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปที่ไม่ใช่เรา ทั้งผิดและถูก แต่เพราะมีเหตุ คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้น ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดสภาพธรรมอย่างอื่นได้ โดยบังคับไม่ได้ ในที่นี้ คือ ไม่มีเรา ไป บังคับ แต่ เป็นธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย กุศล อกุศลจึงไม่แตกต่างกันโดยสภาพธรรม แต่ทำไมกระแสชนจึงนิยมอกุศล เพราะมีความอยากเข้ามาเกี่ยวข้องไช่ไหมครับ... (เป็นเพียงความคิดเห็น)
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ในแต่ละวัน แต่ละวินาที แม้แต่ขณะสทนาธรรม หรือกำลังเขียนความคิดเห็นอยู่ เต็มไปด้วยกิเลส เหมือนเราแหวกว่ายในกระแสกิเลสเหมือนปลาที่แหวกวายอยู่ในน้ำ จุดมุ่งหมายต่างๆ มีความอยากเป็นแรงผลักดัน การฟังธรรมสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อยจะต้านความเจริญของกิเลสได้ทันไหมครับ (เป็นเพียงความคิดเห็น)
ขออนุโมทนาครับ