อริยสัจจ์ทั้ง ๔ มีวนรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ คืออะไรครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การจะดับกิเลสได้ ถึงความเป็นพระอริยบุคคล ต้องเป็นเรื่องของปัญญาอย่างแท้จริง ดังนั้น การรู้ความจริงในอริยสัจ ๔ ก็เป็นปัญญาเช่นกัน การถึงการดับกิเลสได้ ก็ต้องเป็นปัญญา เข้าใจอริยสัจ ๔ อย่างถูกต้อง แจ่งแจ้ง ซึ่งปัญญา ในการรู้อริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง มี ๓ ซึ่งมีแสดงไว้ในพระไตรปิฎก คือ สัจจญาณ กิจญาณ และ กตญาณ
สัจจญาณ คือ ปัญญาที่รู้ความจริงในอริยสัจ ๔ เช่น รู้ว่านี้ทุกข์ รู้ด้วยปัญญา ด้วยความมั่นคงว่า ทุกข์ คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงความปวดเมื่อยเท่านั้น แต่เป็นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ที่เกิดขึ้นและดับไป ปัญญาที่รู้ความจริงในความเป็นทุกข์อริยสัจ เป็นสัจจญาณ แต่สัจจญาณจะมีได้ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม จนปัญญามั่นคง เห็นถูกว่า สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้เองที่เป็นทุกข์ นี่คือสัจจญาณในทุกขอริยสัจ และปัญญาที่รู้ความจริงในสมุทัยสัจจะ ว่าเป็นอย่างนี้ คือ รู้ตัณหา โลภะ ตามความเป็นจริงว่าเป็นอย่างนี้ โดยสัจจะอื่นๆ ก็โดยนัยเดียว คือรู้ในพระนิพพานในขั้นการฟัง ตามความเป็นจริงและรู้ในหนทางดับทุกข์ คือ อริยมรรค ตามความเป็นจริงครับ นี่คือสัจจญาณ ปัญญา ในอริยสัจ ๔ ซึ่งสัจจญาณก็มีหลายระดับ ตามระดับปัญญา
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ.... สัจจญาณ
กิจญาณ คือ ปัญญาที่รู้หน้าที่ กิจที่ควรทำในอริยสัจ ๔ เช่น ปัญญาที่รู้ว่าทุกขอริยสัจควรกำหนดรู้ รู้ว่าสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ควรกำหนดรู้ รู้ด้วยปัญญา ที่สติปัฏฐานเกิดรู้ความจริงในขณะนี้ของสภาพธรรมว่าเป็นธรรมไม่ใชเรา ดั้งนั้นจึงไม่มีเราที่ไปกำหนดรู้ แต่เป็นหน้าที่ของปัญญาว่า ทุกข์ควรกำหนดรู้ คือ ปัญญาเกิดรู้ความจริงของสภาพธรรมนั่นเอง ขณะที่สติปัฏฐานเกิด รู้ความจริงของสภาพธรรมและปัญญาที่เป็นระดับวิปัสสนาญาณ เป็นต้น เป็นกิจญาณในทุกขอริยสัจ
ปัญญาที่รู้กิจหน้าที่ใน สมุทัยสัจจะ ว่า โลภะ เป็นสิ่งที่ควรละ ด้วยปัญญาระดับสูง เป็นกิจญานในสมุทัยสัจจะ ปัญญาที่รู้ความจริงในนิโรธสัจจะ คือ รู้ความจริงว่าควรทำให้แจ้ง ให้ถึงพระนิพพาน ด้วยปัญญาระดับสูง เป็นกิจญานในนิโรธสัจจะ
ปัญญาที่รู้ตามความเป็นจริงว่า หนทางในการดับกิเลส คือ สติปัฏฐาน ๔ อริยมรรค ควรเจริญ ควรอบรมให้มาก ปัญญารู้เช่นนี้ เป็นกิจญาณในอริยสัจข้อสุดท้ายที่เป็นหนทางดับกิเลสครับ นั่นคือ มรรคอริยสัจจะ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ... กิจญาณ
กตญาณ คือ ปัญญาที่รู้แจ้งในกิจ ที่ได้ทำแล้วในอริยสัจ 4 ตามความเป็นจริง อันหมายถึงการบรรลุธรรม ดับกิเลสได้นั่นเองครับ เชิญคลิกอ่านที่นี่..กตญาณ
ดังนั้น ปัญญา ๓ ระดับ คือ สัจจญาณ กิจจญาณ และ กตญาณ ในอริยสัจ ๔ จึงหมายถึง การวนรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ คือ ปัญญาที่
สัจจญาณ รู้ในอริยสัจ ๔ ในทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค (สัจจญาณ x อริยสัจ ๔ = ๔)
กิจญาณ ปัญญาที่รู้ในอริยสัจ ๔ (กิจญาณ x อริยสัจ ๔ = ๔)
กตญาณ ปัญญาที่รู้ในอริยสัจ ๔ (กตญาณ x อริยสัจ ๔ = ๔)
ปัญญา ๓ อย่าง ๓ รอบ (สัจจญาณ กิจญาณ กตญาณ) ในแต่ละอริยสัจ ในอริยสัจ ๔ จึงเป็นอาการ ๑๒ ครับ
การรู้แจ้งอริยสัจจ์มีญาณวน ๓ รอบ อาการ ๑๒ คือ
รู้ทุกขอริยสัจจ์ ด้วยสัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ
รู้สมุทัยอริสัจจ์ ด้วยสัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ
รู้นิโรธอริยสัจจ์ ด้วยสัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ
รู้มรรคอริยสัจจ์ ด้วยสัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ
แต่ละสัจจะมีวน ๓ รอบ สัจจทั้งหมดมี ๔ จึงมีอาการ ๑๒
การจะถึงปัญญา ๓ ระดับตามที่กล่าวมาในอริยสัจ ๔ นั้น ที่สำคัญต้องเริ่มจากการฟังพระธรรมในหนทางที่ถูกต้องในเรื่องของสภาพธรรม เมื่อปัญญาเจริญขึ้นจากขั้นการฟังว่าขณะนี้เป้นธรรม การรู้ความจริงก็ต้องรู้ขณะนี้ ขณะนั้นกำลังอบรมสัจจญาณ ความมั่นคงในการู้ความจริงของสภาพธรรมที่เป็นทุกขอริยสัจ
ดังนั้น จึงไม่ต้องห่วงเรื่องของชื่อปัญญา เพียงแต่อบรมเหตุคือการฟังพระธรรมไปเรื่อยๆ ธรรมจะทำหน้าที่ ปัญญาเจริญขึ้น สัจจญาณก็เจริญขึ้นตามลำดับ และย่อมทำให้ถึงปัญญาที่รู้ความจริงของสภาพธรรมด้วยการประจักษ์แจ้งความเป็นามธรรมและรูปธรรม ที่เป็นกิจญาณและถึงการดับกิเลส บรรลุธรรมอันเป็นกตญาณได้ครับ ซึ่งก็ไม่พ้นจากการรู้ความจริงในขณะนี้เลยครับ
พระพุทธเจ้าและพระอริยสาวก ท่านก็รู้ความจริงในขณะนี้ อันเป็นการเจริญสัจจญาณ กิจญาณและกตญาณตามความเป็นจริง จนได้บรรลุธรรมนั่นเองครับ แต่สำคัญ คือ อบรมเหตุคือฟังพระธรรม หากทำอย่างอื่น จะปฏิบัติ และจะไปหาธรรมนั่นก็เท่ากับว่า ขาดความเข้าใจเบื้องต้น และไม่ใช่สัจจญาณ เมื่อไม่มีสัจจญาณแล้ว ก็ไม่มีทางถึงการู้ความจริงและการดับกิเลสที่เป็นกิจญาณและกตญาณได้เลยครับ
ขออนุโมทนาที่สนทนาเพื่อความเข้าใจครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
อยากขอความกระจ่างเรื่อง สัจญาณ กิจญาณ และ กตญาณ ครับ
รอบ ๓ อาการ ๑๒ ขอคำตอบที่ชัดเจนและรอบคอบ ครับ
ข้อความในพระไตรปิฎก เกี่ยวกับเรื่อง รอบ ๓ และอาการ ๑๒ ครับ
เชิญคลิก
ญาณทัสสนะมีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒
สัจจญาณ กิจญาณ กตญาณ ๓ รอบ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อริยสัจจ์ หมายถึง สิ่งที่มีจริงที่ทำให้ผู้รู้แจ้งถึงความเป็นพระอริยบุคคล เพราะฉะนั้นแล้วจึงเป็นเรืองของความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่เบื้องต้นจริงๆ มั่นคงในความเป็นจริงธรรมที่มีจริงในขณะนี้ เพราะสิ่งที่มีจริงนั้นไม่พ้นจากขณะนี้เลย ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเป็นธรรม จะต้องอาศัยการฟังการศึกษา ฟังในสิ่งที่มีจริงๆ บ่อยๆ เนืองๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ เป็นสัจจญาณ เมื่อไม่มีปัญญาในขั้นนี้แล้ว การที่จะไปถึงปัญญาขั้นต่อไปที่เป็นการระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรม และ รู้แจ้งอริยสัจธรรม ก็จะมีไม่ได้ ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ไม่ว่าจะเป็นสัจจญาณ กิจจญาณ และ กตญาณ เป็นเรื่องของปัญญาทั้งหมด ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
สัจจญาณ คือ ปัญญาที่รู้ความจริง คือความมั่นคงในเรื่องของธรรมะ เช่น เห็นขณะนี้เป็นธรรมะอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรา ฯลฯ ปัญญาขั้นนี้ยังเกิดยากเลย ยังไม่ต้องไปถึงกิจญาณ และ กตญาณ เพราะเป็นปัญญาของพระอริยบุคคลค่ะ
ขออนุโมทนาในธรรมทาน ที่ท่านวิทยากรทั้ง ๒ ได้อธิบายขยายความให้ผู้อ่านได้เกิดปัญญาเข้าใจใน "รอบ ๓ อาการ ๑๒" ครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
การฟังพระธรรให้เข้าใจเป็นของยากการมีชีวิตอยู่ได้ก็เป็นการยาก
ขออนุโมทนาครับ
สาธุค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
เข้าใจ สัจญาณ กิจญาณ กตญาณ วนรอบ 3 ในอริยสัจ 4 แจ่มแจ้ง 3 คูณ 4 เท่ากับอาการ 12 เช่นนี้เอง ทางนี้ทางของพระอริยะ จึงไม่ใช่ทางที่จะเดินไปได้ง่ายๆ กราบอนุโมทนา ในกุศลจิต ของอาจารย์ผเดิมค่ะ
เป็นประโยชน์มากครับ แม้จะผ่านมา 12 ปี
ขอบคุณครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ