เรียนท่านวิทยากร
ขอทราบถึงรายละเอียด คุณสมบัติของสาวก พระพุทธเจ้าพระศรีอาริย์ และอริยบุคคลยุคนี้มีเหมือนกับพระพุทธเจ้าของเรายุคนี้ไหม มีพุทธบริษัท ๔ ไหม พระธรรมคำสั่งสอนแตกต่างกันไหม อายุคนในยุคนี้เป็นเท่าไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระศรีอริยเมตไตรย์ คือ พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ที่จะตรัสรู้ในอนาคตในกัปนี้ ที่เป็น ภัทรกัป กัปที่เจริญ มีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ซึ่งพระศรีอริยเมตไตรย์ จะตรัสรู้หลังจากที่พระศาสนาของพระพุทธเจ้าพระสมณโคดม องค์นี้อันตรธานไปก่อน
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าเมตไตรย์
เรื่อง พระศรีอารยเมตไตรย์
สำหรับพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ มีคุณสมบัติเหมือนกัน คือ มีคุณธรรมเสมอกัน เช่น ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วัมตติญาณทัศนะและคุณประการอื่นๆ เท่ากันเสมอกันหมด ไม่แตกต่างกันเลยครับ แต่สิ่งที่พระพุทะเจ้าแต่ละพระองค์ทรงแตกต่างกัน ๘ อย่างคือ
๑. ความแแตกต่างของอายุ อายุของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์แตกต่างกันครับ แตกต่างกันไปตามอายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้นว่ามีอายุกี่ปี อย่างพระพุทธเจ้าของเราพระสมณโคดมมีอายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้น ๑๐๐ ปี พระศรีอริยเมตไตรย์ ยุคนั้น มนุษย์มีอายุ แปดหมื่นปีพระพุทธเจ้าพระนามว่าศรีอริยเมตไตรย์ก็อายุยืน ตามยุคสมัยที่มนุษย์อายุยืนด้วยครับ
๒. ความแตกต่างแห่งประมาณ คือ แตกต่างกันในส่วนสูง พระพุทธเจ้าบางพระะองค์ก็สูงมาก เช่น สูง ๘๐ ศอก ตามขนาดของมนุษย์และความอายุยืนของมนุษย์ พระพุทธเจ้าของเราสูง ๑๘ ศอก เป็นต้น พระศรีอริยเมตไตรย์ก็ต้องมีส่วนสูงมาก ตามอายุขัยที่ยืนยาว ครับ
๓. ความแตกต่างของตระกูล คือ การบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า บางพระองค์ก็เกิดในตระกูลพราหมณ์ บางพระองค์ก็เกิดในตระกูลกษัตริย์แล้วแต่ว่า สมัยนั้น โลกสมมติว่าตระกูลใด วรรณะใดเป็นใหญ่ ก็เกิดในตระกูล วรรณะนั้นครับ
๔. ความแตกต่างในความเพียร คือ เมื่ออกบวชแล้ว แต่ละพระองค์ก็ใช้เวลบำเพ็ญเพียรเพื่อตรัสรู้แตกต่างกัน อย่างพระพุทธเจ้าของเรา ต้องบำเพ็ญเพียร ๖ ปี พระพุทธเจ้ากัสสปะ ๗ วัน เป็นต้น
๕. ความแตกต่างของรัศมี พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์มีรัศมีที่แผ่ออกจากพระวรกาย เป็นปกติ มีความกว้างของรัศมีแตกต่างกันออกไป อย่างพระพุทธเจ้าของเรา ปกติ ๑ วา พระพุทธเจ้าวิปัสสี ๗ โยชน์ เป็นต้น
๖. ความแตกต่างของยาน คือ ยานที่จะออกบวช มหาภิเนษกรมณ์ พระพุทธเจ้าบางองค์ออกบวช ด้วยช้างบ้าง พระพุทธเจ้าเราด้วย ม้า พระพุทธเจ้าบางพระองค์ด้วย วอ บางพระองค์ด้วย ปราสาท เป็นต้น
๗. ความแตกต่างของต้นไม้ที่ตรัสรู้ อย่างพระพุทธเจ้าเรา เป็นต้น อัสถปพฤกษ์ พระพุทธเจ้าบางพระองค์ตรัสรู้ที่ต้นกระทิง แต่ต้นไม้ชนิดแม้ต่างกัน ก็ตาม แต่ต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ต่างก็เรียกว่า ต้นโพธิ เพราะ โพธิ หมายถึง ตรัสรู้ ครับ
๘. ความแตกต่างของบัลลังก์ บัลลังก์ที่ตรัสรู้ที่ต้นไม้ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ มีความแตกต่างกันในเรื่องขนาด ครับ
ส่วนคุณสมบัติ หรือ คุณธรรมของพระสาวก เช่น อัครสาวก อสีติมหาสาวก ก็ไม่แตกต่างกันเลยครับ ดังเช่น พระพุทธเจ้าได้ยกย่องพระอานนท์ ว่าเลิศ ในการอุปฐากนั้น ก็ไม่มีใครเลิศกว่าท่าน เสมอกันทั้งในสาวกในอดีต อนาคตที่เลิศทางนี้ และรวมทั้งอัครสาวกทั้งสอง ก็มีคุณธรรมเสมอกันกับอัครสาวกในอดีต และ ในอนาคต ครับ
สรุป คือ สาวก มีคุณธรรมเสมอกัน ไม่ว่าจะเป็นสมัยพระพุทธเจ้าพระองค์ไหนครับ เพียงแต่ว่า แตกต่างกันที่อายุขัย ความสูง ตระกูลที่เกิด เป็นต้น
และพระอริยบุคคลในยุคก่อน กับยุคนี้และในอนาคต สมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตรย์ก็เหมือนกัน คือ มีคุณธรรมเหมือนกัน เหตุที่เหมือนกัน เพราะต่างก็ดำเนินตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเหมือนกันครับ พระธรรรมในหนทางที่ถูกต้องไม่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ครับ
ส่วนที่ถามว่าพระธรรมคำสอนเหมือนกันไหม
เหมือนกันครับ คือ ในเรื่อง อริยสัจ ๔ เรื่องอริยมรรคมีองค์ ๘ หรือ สติปัฏฐาน เพราะ เป็นทางสายเดียวที่จะสามารถดับกิเลสได้ ดังนั้นทุกๆ พระองค์สอนเหมือนกัน เรื่องเดียวกัน เพราะหากแตกต่างกัน โดยเฉพาะหนทางในการดับกิเลส ก็ไม่เป็นสัจจะ และ เท่ากับว่าหนทางในการดับทุกข์มีหลายทาง ไม่ใช่ทางสายเดียว ดังเช่นที่สติปัฏฐาน ได้กล่าวไว้ว่า เป็นทางเอก สายเดียวครับ และพระธรรมที่เป็นโอวาทปาฏิโมกข์ มี ขันติเป็นตบะอย่างยิ่ง ที่พระองค์โอวาทพระภิกษุก็เหมือนกันทุกๆ พระองค์ แตกต่างกันที่ ระยะเวลาที่ให้โอวาทปาฏิโมกข์ เช่น พระพุทธเจ้าบางพระองค์ให้โอวาทปาฏิโมกข์ทุกๆ กึ่งเดือน บางพระองค์ทุกๆ ปี เป็นต้น และความแตกต่างในพระธรรมบางส่วน คือ พระวินัย บางพระองค์มีบัญญัติพระวินัยมาก เพราะยุคสมัยนั้น สัตว์มีกิเลสมาก มีการทำผิดมาก พระพุทธเจ้าบางพระองค์บัญญัติพระวินัย ข้อห้ามไม่มาก เพราะสัตว์มีกิเลสน้อย จึงไม่มีการทำผิดมากครับ และ ความแตกต่างของพระสูตร ก็คือ ชื่อ เรื่องราวสมมติแตกต่ากัน เพราะบางครั้งชื่อแต่คน แต่ละยุคสมัยไม่เหมือนกัน แต่พระอภิธรรม ที่เป็นสัจจะ เปลี่ยนไม่ได้ เพราะลักษณะของสภาพธรรมไม่เปลี่ยนแปลงครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
เรื่องปัญหาของพระอานนท์เถระ ... เสาร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
ดังนั้น เมื่อว่ากันโดยความจริงแล้ว พระธรรมของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่แตกต่างกันเลย เพราะแสดงถึงสิ่งที่จริงที่เป็นสภาพธรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ ที่แสดงถึงความไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนที่เป็นแต่เพียง จิต เจตสิก รูปและนิพพาน และทรงแสดงเป็นไปเพื่อละคลายกิเลส เจริญขึ้นของกุศลและปัญญา และเพื่อถึงพระนิพพานเหมือนกันทั้งสิ้น และหนทางก็มีทางสายเดียว คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์แสดงเหมือนกันครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และ ในอนาคต ล้วนเป็นผู้ที่สะสมพระบารมีมาอย่างยาวนานที่จะได้ตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงด้วยพระองค์เอง แล้วทรงแสดงพระธรรมให้ผู้อื่น รู้ตาม พระพระบารมีทั้งหมดที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาไม่ใช่เฉพาะพระองค์เพียงเท่านั้น แต่เพื่อทรงอนุเคราะห์เกื้อกูลให้พุทธบริษัทได้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงเหมือนอย่างพระองค์
ส่วน สาวก หมายถึง ผู้ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าพระองค์ใด ก็จะต้องเป็นผู้ได้ฟังพระธรรม ทั้งนั้น เมื่อกล่าวอย่างกว้างๆ แล้ว สาวก มีทั้งสาวกที่เป็นพระอริยะ กับ สาวกที่ยังไม่ได้ถึงความเป็นพระอริยะ และมีทั้งที่เป็นคฤหัสถ์ และที่เป็นบรรพชิต ซึ่งจะขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ได้เลย
พระธรรม ก็คือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงตรัสรู้และนำมาแสดง ซึ่งไม่ต่างกันเลย แสดงถึงสิ่งที่มีจริงทั้งหมดเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกสำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริง สาวก ย่อมจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากพระธรรม ตามกำลังปัญญาของแต่ละคน สูงสุด คือ ถึงความเป็นพระอรหันต์ ถ้าไม่ถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี หรือแม้ไม่ได้สำเร็จเป็นพระอริยบุคคล แต่ความเข้าใจพระธรรมที่ได้ฟังนั้น ไม่สูญหายไป สะสมสืบต่ออยู่ในจิต สะสมเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้า ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา ท่านวิทยากรและท่านผู้ติดตาม
ขอเรียนถามเพิ่มเติมค่ะ
๑. ตามที่ท่านเขียนว่าอายุคนในยุคพระศรีอาริยเมตตรัย ประมาณเป็น ๑๐,๐๐๐ ปี นั้น ท่านเหล่านี้บำเพ็ยบารมีมาอย่างไรและท่าน มีความชราภาพแบบคนยุคเรานี้ไหม
๒. คนยุคพระศรีอารียเมตตรัยเป็นคนเผ่าพันธุ์แบบไหน สืบทอดมาจากคนยุคเรานี้หรือ หรือมีเหตุใดที่ทำให้อายุยืนเป็น ๑๐,๐๐๐ ปี ได้ (เพราะท่านกล่าวว่า โลกยังไม่แตก และรอพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ นี้มาก่อน)
๓. แล้วคนยุคนี้มีโอกาสไปเกิดเป็นคนยุคพระศรีอริยเมตตตรัยหรือไม่ ถ้าได้ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างไรคะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เรียนความเห็นที่ 7 ครับ
๑. บำเพ็ญบุญบารมีมามากครับ ส่วนความชราย่อมมีได้เป็นธรรมดา ครับ
๒. คนในยุคนั้นก็สืบต่อจากคนในยุคนี้นั่นเองครับ
๓. เกิดได้ครับ ต้องบำเพ็ญกุศลมาก แต่ไม่มีการะบุว่า ด้วยกุศลใด เหตุปัจจัยพร้อมเมื่อไหร่ก็เกิดในยุคนั้นครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนา