การสวดภาณยักษ์ เป็นของศาสนาพุทธหรือเปล่าครับ ทำไมพระสงฆ์ต้องเป็นเจ้าพิธี
สวดภาณยักษ์แล้ว สะเดาะเคราะห์ ต่อ ชะตา เสริมบารมี ไล่สิ่งที่ไม่ดี ออกได้จริงๆ
หรือครับ..
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด เพื่อละ สละ ขัดเกลากิเลส ธรรมนั้นคือ พระธรรม
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นศาสนาพุทธ แต่สิ่งใดที่สอนเพื่อได้ เพื่อติด เป็นไป
เพื่อความไม่รู้ สิ่งนั้นไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าและไม่ใช่พระพุทธศาสนา
การสวดภาณยักษ์ เป็นการสวดเพื่อไล่ภูต ผีปีศาจ โดยการอ้างว่านำมาจากพระสูตรที่
ว่า อาฏานาฏิยสูตร แต่ในความเป็นจริง จุดประสงค์ของสูตรนี้เพื่อป้องกันอมนุษย์
ทั้งหลาย แต่ไม่ใช่ด้วยอกุศลจิต แต่เป็นไปเพื่อภิกษุทั้งหลาย เมื่อบำเพ็ญสมณธรรมมี
ป่า เป็นต้นจะได้อบรมบำเพ็ญสมณธรรมได้ครับ แต่ไม่ใช่จุดประสงค์ที่ผิดของการสวด
ภาณยักษ์ เพื่อจะขับไล่ภูตผีปีศาจ อันเป็นเรื่องของความหวัง ความต้องการของคนที่
ไปสวดและสวดให้ผู้อื่นฟังด้วยครับ และการสวดนั้นก็จะใช้ถ้อยคำที่ดุดัน รุนแรง ซึ่งนั่น
ไม่ใช่วิธีการแสดงธรรมของผู้เป็นบัณฑิต มี พระพุทธเจ้า เป็นต้นครับ เพราะพระองค์
แสดงธรรมด้วยจิตที่เมตตา อนุเคราะห์กับผู้อื่นและใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม โดยไม่ใช้ถ้อย
คำรุนแรง ต่างๆ เลยครับ เมื่อเป็นดังนั้น สิ่งที่เป็นไปเพื่อความไม่รู้ไม่เจริญขึ้นของ
ปัญญาและเพื่อติด เพื่อที่จะได้สิ่งที่ดีๆ ากการไปสวด ไปรับสวดบทนี้ เมื่อเป็นไปในการ
เพิ่มกิเลส ก็ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระพุทธศาสนาครับ
การสะเดาะห์เสริมบารมี ก็ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะไม่ใช่เป็นไปในเรื่อง
เหตุผล เพราะไม่ตรงตามเรื่องกรรมและผลของกรรมตามความเป็นจริงครับ และเป็น
เรื่องที่จะได้ ติดข้อง ในการจะเสริมดวง สะเดาะห์เคราะห์ ก็เป็นเรื่องของกิเลส ไม่ใ่ช่
เรื่องละคลาย ก็ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธศาสนาครับ ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
......กระผม ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ paderm กับความกระจ่างครับผม_/I\_
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ไม่ใช่ อกุศลธรรม ถ้าคำสอนใดที่สอนให้พอกพูนอกุศลให้มากๆ สอนให้คนหลงงามงาย นั่นไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว ถ้าพุทธบริษัทไม่มีการศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบ ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้เลย และ สำหรับในการศึกษานั้น ก็จะต้องมีจุดประสงค์ที่ถูกต้องในการศึกษาด้วย เพื่ออย่างเดียวเท่านั้น คือ ความเข้าใจถูก เห็นถูก ซึ่งเมื่อมีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ความประพฤติอันดีงามทั้งหลายทั้งปวง ก็ย่อมจะคล้อยไปตามความเข้าใจพระธรรม นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นบรรพชิต หรือ คฤหัสถ์ก็ตาม ถ้าได้เข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นประโยชน์เกื้อกูล ทั้งนั้นย่อมไม่เป็นเหตุให้กระทำการใดๆ ที่ผิด หรือ นอกเหนือไปจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างแน่นอน สิ่งที่ไม่ดี ได้แก่ กิเลส อันเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต จะขับไล่สิ่งที่ไม่ดี คือกิเลส ออกได้ ไม่ใช่ด้วยการสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา เป็นต้น แต่ด้วยการสะสมกุศลประการต่างๆ ในชีิวิตประำจำัวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา กุศลจิต เกิดขึ้นได้ตาม เหตุปัจจัยโดยอาศัยความเข้าใจและ การเห็นโทษของกิเลส ที่เกิดจากได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในชีวิตประจำวัน เพราะถ้ายังไม่เห็นโทษของกิเลส ก็ยังละกิเลสไม่ได้ และถ้ายังไม่เข้าใจ ก็หมายความว่า ยังไม่เห็นโทษของกิเลส อยู่นั่นเอง
จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาไปตามลำดับ เพื่อละความไม่รู้ เพื่อเห็นโทษของอกุศลตามความเป็นจริง และเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง ต่อไป การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ยังอีกยาวไกล กุศลธรรมเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย จนกว่าจะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับสิ่งที่ไม่ดี อันได้แก่ กิเลสได้ตามลำดับ ในที่สุด ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาครับ