คำว่า ดับแล้ว ความว่า ชื่อว่า ดับแล้ว เพราะเป็นผู้ยังราคะ โทสะ โมหะ ความโกรธ ความผูกโกรธ แล้วก็กิเลสอื่นๆ อกุสลาภิสังขารทั้งปวงให้ดับ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า มีธรรมอันเห็นแล้ว ดับแล้ว
ท่านได้ทรงแสดงพยัญชนะไว้มากทีเดียว สำหรับให้ผู้ที่เจริญสติปัฏฐานได้พิจารณา ได้เทียบเคียงว่า ท่านมีธรรมอันเห็นแล้วจริงๆ หรือไม่ เพื่อที่จะได้ถึงการดับแล้วจริงๆ ซึ่งอกุศลและกิเลสทั้งหลาย เพราะความว่ามีธรรมอันเห็นแล้ว คือ มีธรรมอันรู้แล้ว ตารู้แล้วหรือยัง สีรู้แล้วหรือยัง ได้ยินรู้แล้วหรือยัง เสียงรู้แล้วหรือยัง ก็ควรจะต้องพิจารณาด้วย ที่ตรัสว่ามีธรรมอันเห็นแล้ว คือ มีธรรมอันรู้แล้ว มีธรรมอันเทียบเคียงแล้ว มีธรรมอันพิจารณาแล้ว มีธรรมอันแจ่มแจ้งแล้ว มีธรรมอันปรากฏแล้ว ไม่ปรากฏก็ไม่ได้ สภาพของนามและรูปที่ไม่ใช่ตัวตน ต้องปรากฏโดยความสมบรูณ์แก่ญาณแต่ละขั้น มีธรรมอันเห็นแล้ว มีธรรมอันปรากฏแล้วว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
คำว่า ดับแล้ว คือ ดับกิเลสแล้ว ความว่า ชื่อว่าดับแล้ว เพราะเป็นผู้ยังราคะ โทสะ โมหะ ความโกรธ ความผูกโกรธ อกุสลาภิสังขารทั้งปวงให้ดับ เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า มีธรรมอันเห็นแล้ว ดับแล้ว
ถ้าไม่เห็นแล้ว ไม่มีทางไหนเลยที่จะดับได้
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 124