[๒๘๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย .......จิตมีโทสะ ก็รู้ว่าจิตมีโทสะ หรือจิตปราศจากโทสะ ก็รู้ว่าจิต ปราศจากโทสะ..........
" จิตมีโทสะ ก็รู้ว่าจิตมีโทสะ " ในทางปฎิบัติจะต้องทำอย่างไรจึงจะถูกต้อง ตอนแรกผมฝึก ...เมื่อเกิดโทสะก็พิจารณาว่ากำลังมีโทสะ และคิดไปเองว่า ใช้จิตที่เกิดตามหลังไปดู จิตที่เป็นโทสะ
....แต่เนื่องจากเท่าที่อ่านของท่านอาจารย์ทั้งหลายในนี้ พอสรุปได้ว่า
1....สติ จะไม่เกิดร่วมกับอกุศลจิต ดังนั้น ตอนมีโทสะจะไม่รู้ว่าจิตมีโทสะ
2....สติ เป็น ธรรม จึงเป็นอนัตตา บังคับให้เกิดเองไม่ได้
3....ขณะที่จดจ้องที่สภาพธัมมะที่เกิด ขณะนั้น เป็นความต้องการ เป็นโลภะ และขณะนั้น สติก็ไม่เกิด
คำถาม : เมื่อเกิดโทสะก็พิจารณาว่ากำลังมีโทสะ เป็นการจดจ้องไหมครับ
4...สติต้องมีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์ และเป็นปัจจุบันขณะ ถ้าสภาพธัมมะเกิดแล้วตามดู ขณะนั้นคิดนึก ถึงสภาพธัมมะที่ดับไปแล้ว จึงไม่เป็นปัจจุบันขณะ จึงไม่ใช่การเจริญสติปัฏฐาน
5....ข้อ1-4 ถูกต้องไหมครับ
คำถาม : ในขณะที่โทสะเกิด ไม่มีสติเจตสิกเกิด ถ้าไม่พิจารณาถึงสภาพธัมมะที่ดับไปแล้ว จะทำอย่างไรจึงเป็น จิตตานุปัสสนา
ขอบพระคุณมากครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ต้องมีความเข้าใจตั้งแต่ต้นว่า ธรรม คือ สิ่งที่มีจริงๆ นั้น มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน และทุกขณะ ก็เป็นธรรม ทุกครั้งที่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจความจริงของธรรม ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น และ การที่ปัญญาจะเจริญขึ้น ก็ต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย การเข้าใจสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง เป็นเรื่องของปัญญา ไม่ใช่เรื่องทำ ไม่ใช่เรื่องเราฝึก ไม่ใช่เรื่องว่า "จะทำอย่างไร"
1....สติ จะไม่เกิดร่วมกับอกุศลจิต ดังนั้น ตอนมีโทสะจะไม่รู้ว่าจิตมีโทสะ
ถูกต้อง เพราะขณะที่โทสะเกิด เป็นอกุศล ไม่มีสติ ไม่มีสภาพธรรมฝ่ายดีใดๆ เกิดร่วมด้วยเลย ขณะที่เป็นอกุศล ไม่รู้ความจริงอะไรเลย ครับ
2....สติ เป็น ธรรม จึงเป็นอนัตตา บังคับให้เกิดเองไม่ได้
ถูกต้อง ครับ
3....ขณะที่จดจ้องที่สภาพธัมมะที่เกิด ขณะนั้น เป็นความต้องการ เป็นโลภะ และขณะนั้น สติก็ไม่เกิด
ถูกต้อง เพราะขณะนั้นเป็นอกุศล ครับ
คำถาม : เมื่อเกิดโทสะก็พิจารณาว่ากำลังมีโทสะ เป็นการจดจ้องไหมครับ
สำคัญที่ว่า เป็นปัญญาพร้อมกับสภาพธรรมฝ่ายดีอื่นๆ ที่เกิดพร้อมกันในขณะนั้น หรือ ว่า เป็นความอยากความต้องการ จดจ้องด้วยความเป็นตัวตนที่จะทำ สภาพธรรมที่จะเข้าใจตรงตามความเป็นจริงได้นั้น ต้องเป็นปัญญา เท่านั้น ครับ
4...สติต้องมีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์ และเป็นปัจจุบันขณะ ถ้าสภาพธัมมะเกิดแล้วตามดู ขณะนั้นคิดนึก ถึงสภาพธัมมะที่ดับไปแล้ว จึงไม่เป็นปัจจุบันขณะ จึงไม่ใช่การเจริญสติปัฏฐาน
คำถาม : ในขณะที่โทสะเกิด ไม่มีสติเจตสิกเกิด ถ้าไม่พิจารณาถึงสภาพธัมมะที่ดับไปแล้ว จะทำอย่างไรจึงเป็น จิตตานุปัสสนา
ถ้าคิดที่จะทำเมื่อไหร่ ก็ผิดเมื่อนั้น ไม่ใช่ความเข้าใจที่ถูกต้อง โทสะ ที่เกิดแล้วดับแล้วสืบต่อเป็นปัจจุบันสันตติ ก็เป็นอารมณ์ของสติปัฏฐานได้ ซึ่งไม่ใช่ด้วยความหวังด้วยความต้องการ ด้วยความเป็นตัวตน แต่ต้องเป็นเรื่องของการค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่ลืมว่า ธรรม ทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ