ถ้าไม่มีชวนจิตแล้ว กุศลธรรมเช่น สติ สัมปชัญญะ เป็นต้นคงเกิดไม่ได้ใช่ไหมครับ ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต จุติจิต เป็นผลของชวนจิตหรือครับ (ทำอะไรให้เห็น พิสูจน์ได้บ้าง) ตื่นเช้ามา ถ้าชวนจิต ไม่ทำงานก็แย่นะซิครับ
จิตคนเรานี้ (ชวนวิถีจิต) รับรู้ซึมซับได้ทุกอย่าง ทำงานทุกขณะ (ยกเว้นตาย) ผมตื่นมาบางทียังรู้สึกสงสารมันเลย มันรีบทำงานก่อนสติเสียอีก
ชีวิตคนเราก็แค่ จิตที่รับรู้อารมณ์ไปวันๆ พอให้รู้ว่ามีตัวตน ไม่มีตัวตน ถ้าไม่มีอุปกรณ์เสริมให้มีผัสสะ เช่น มหาภูตรูป ๔ เป็นต้นแล้ว ตัวตนจะมีให้ปรากฏแก่ตนไหมครับ
จิตมีแค่ดวงเดียวแต่ทำงานหลายอย่างใช่ไหมครับ
ผมลึกซึ้งและประจักษ์ในคำของอ.สุจินต์ที่ว่า
วิญญาณการรับรู้เกิดขึ้น ได้ทีละขณะ ขณะที่ได้ยิน เป็นคนละขณะที่เห็นรูป การเห็นรูป และการได้ยิน ไม่ได้ทำงานพร้อมกัน แต่ทำงานเร็วจนเหมือนได้ยิน พร้อมเห็นรูปพร้อมกัน!!! ฉะนั้น การรับรู้อารมณ์ทางประสาททั้ง ๖ เป็นเหมือนเกิดพร้อมกัน แต่ความเป็นจริงแล้วการเห็นทางตาดับแล้ว การได้ยินจึงเกิดขี้น
ธรรมอย่างนี้จะหาฟังได้ทีไหน ถ้าไม่ใช่ที่นี่ครับ อมตวาจา ละเอียดมาก!
ชีวิตเพียงแค่วิญญาณรับรู้อารมณ์ชั่วขณะๆ ๆ ๆ แค่นั้นหรือครับ
ถูกผิดประการใด เป็นการกลั่นกรองจากการฟังและเข้าใจด้วยตัวเอง อย่างพึ่งถือเป็นสาระนะครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ
ขอบคุณครับ
ชวนกิจเป็นกิจของจิตอย่างหนึ่ง ในกิจของจิต ๑๔ กิจ ชวนกิจทำกิจแล่นไปในอารมณ์ หรือ เสพอารมณ์ สำหรับปุถุชนทั้งหลาย ชวนจิตเป็นจิตประเภทกุศลจิต หรืออกุศลจิต วิบากจิตทั้งหลาย มีปฏิสนธิจิต ภวังคจิต เป็นต้น เกิดขึ้นเพราะมีกุศลจิตและอกุศลจิต เป็นปัจจัย จิตและเจตสิกอาศัยกันและกันเกิดขึ้น ถ้าไม่มีจิต เจตสิกเกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีเจตสิก จิตเกิดขึ้นไม่ได้ ชีวิตของคนเราจริงๆ แล้วก็คือความเป็นไปของจิตแต่ละขณะเท่านั้นเอง ซึ่งจิตต้องอาศัยเจตสิกและรูปเกิดขึ้น จิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทีละขณะ จิตบางประเภทมีกิจหน้าที่หลายอย่าง แต่ต่างขณะกัน
ขณะที่กุศลจิตเกิด ชวนจิตทางปัญจทวารเกิด ๗ ขณะ ต่อด้วยทางมโนทวารอีก ๗ ขณะ (กามชวนะ)
เป็นคำถามและความเห็นที่ดี มีจินตนาการดี ขอเสริมอีกเล็กน้อยที่ว่า ถ้าไม่มีชวนจิตแล้ว กุศลธรรมอย่างอื่นคงไม่มีนั้น ควรมองสภาพธรรมทั้งหลายทั้งภาพกว้างและภาพลึก ให้มองอย่างเป็นกลางตามหลักมัชฌิมา ทางสายกลาง ไม่ยึดมั่นสิ่งใดมากจนสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่ง สภาพธรรมต่างเกิดดับไปตามเหตุปัจจัย ต่างอาศัยกันจึงมีขึ้น ไม่มีสิ่งใดเป็นผู้สร้างหรือเป็นผู้ทำลาย จะชี้ลงไปว่าเพราะอวิชชา หรือกรรม หรือตัณหา คือสิ่งที่มีเริ่มแรกก็ได้เพราะนี้เป็นเพียงวัฎฏะ เป็นเหตุปัจจัยกัน อาศัยกันและกัน ส่วนจะพิสูจน์อย่างไรเป็นสิ่งที่ท่านจะรู้ได้ด้วยตัวเอง เมื่อได้ฟังธรรมแล้วน้อมเข้ามาใส่ ตนบ่อยๆ ก็จะรู้ได้ ผู้อื่นได้แต่แนะนำบอกกล่าวเท่านั้น
ขออนุโมทนา
พึ่งปัญญา ที่เห็นว่า เมื่อจิตใดๆ เกิดขึ้นท่านควรจะสะสมอกุศลจิต ๗ เท่า หรือควรจะสะสมกุศลจิต ๗ เท่า ซึ่งเป็นเหตุ (กรรม) ให้เกิดผล (วิบาก) ในอนาคต.ด้วยปัญญา ขั้นศึกษาธรรมะ ให้เข้าใจก่อน
ข้อความจากจากหนังสือปรมัตถธรรมสังเขป หน้า ๑๕๓
"ชื่อว่า จิต เพราะสั่งสมสันดานของตนด้วยสามารถแห่งชวนวิถี" บุคคลมีอุปนิสัยต่างๆ กันนั้นเพราะ"สั่งสม" โลภะ โทสะ โมหะ มาก หรือว่า กุศลกรรม ประเภทใดมาก
จิตนี้วิจิตรพิศดาร มีค่ามหาศาล เสียดายที่คนไม่ค่อยเห็นค่าของมัน ชวนกิจ เป็นกิจอย่างหนึ่งใน ๑๔ กิจของจิต ปัญญาใครหนอชั่งจำแนกได้ขนาดนี้ ขอความนอบน้อมจงมีแก่โพธิญาน และผู้หลุดพ้น ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระพุทธองค์ ปราชญ์หลายคนคงคิดว่าจิตนี้ เป็นนอมินีของพระเจ้าสักองค์
อนุโมทนา สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เป็นธรรมดาของสภาพธรรมที่จะต้องมีวิถีจิตและก็มีชวนจิต จึงมีความเป็นไปสืบต่อของชีวิตตามที่เราสมมติ ห้ามไม่ให้มีชวนจิตไม่ได้ เพราะเป็นธรรมดาของสภาพธัมมะอย่างนั้นและก็ห้ามไม่ได้ที่จะให้เป็นกุศลหรืออกุศล เพียงแต่การอบรมปัญญาเพื่อเข้าใจความจริงของสภาพธัมมะแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา โลภะเกิดขึ้นที่ชวนจิต อบรมปัญญาเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นโลภะ ไม่ใช่เราที่ติดข้อง หรืออยาก ไม่ต้องห่วงเรื่องเป็นชวนจิตหรือเปล่า เพราะการอบรมปัญญาเพื่อเข้าใจความจริงของ สภาพธัมมะที่เกิดขึ้น แม้ขณะที่เป็นชวนจิตว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เราครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ