ความกังวลด้วยบุคคลในตระกูล
โดย สารธรรม  8 ก.ย. 2565
หัวข้อหมายเลข 43767

ข้อความจากพระไตรปิฎกเรื่องกุลปลิโพธ เพื่อที่จะให้ได้เทียบเคียง ได้พิจารณา ว่า ตามที่เคยเข้าใจว่า จะต้องละปลิโพธทั้งหมดก่อน แล้วถึงจะเจริญวิปัสสนาได้นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเหตุว่าถ้ายังมีกิเลส กิเลสนั่นเองเป็นปลิโพธ สำหรับกุลปลิโพธนั้น ก็ได้แก่ความเกี่ยวข้องกังวลด้วยบุคคลในตระกูล

สำหรับฆราวาสก็ต้องมีกุลปลิโพธแน่นอน เมื่อบุคคลนั้นยังมีกิเลสอยู่ ไม่ว่าจะอยู่บ้านครองเรือน หรือว่าจะไปอยู่ในที่ใด หรือถึงแม้จะละอาคารบ้านเรือนออกบวชเป็นบรรพชิตแล้ว แต่เมื่อยังมีกิเลส ก็ยังมีปลิโพธได้ในลักษณะต่างๆ กัน ซึ่งความกังวลที่มีต่อบุคคลในตระกูลนั้น ก็เป็นความรู้สึกผูกพัน เป็นต้นว่า ถ้าบุคคลในตระกูลเหล่านั้นเป็นสุขก็เป็นสุขด้วย ถ้าบุคคลในตระกูลเหล่านั้นเป็นทุกข์ ก็เป็นทุกข์ด้วย ในฐานะที่อุปการะเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เพราะเหตุว่าในครั้งกระโน้นก็มีทั้งภิกษุ มีทั้งภิกษุณี มีอุบาสก อุบาสิกา ซึ่งก็อุปัฏฐากเกื้อกูลแก่ชีวิตของบรรพชิต แม้ภิกษุ ภิกษุณีท่านก็อุปการะเกื้อกูลกันทั้งในทางธรรมด้วย

มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ โอปัมมวรรค กกจูปมสูตร

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับ ณ พระวิหารเชตวัน

สำหรับท่านที่อ่านพระสูตรนี้แล้วก็เกิดอนุสสติ ระลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งอดีต ท่านก็อาจระลึกถึงพระวิหารเชตวัน ซึ่งเป็นอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ผู้เป็นอุบาสกสาวกที่เลิศในการถวายทาน แล้วก็เป็นพระอริยบุคคลด้วย ซึ่งท่านอาจจะได้เดินเข้าและเดินออก ณ พระวิหารเชตวันนั้น แม้ในครั้งนี้ก็อาจจะระลึกถึงว่า ในขณะที่ท่านกำลังก้าวเดินอยู่ในพระวิหารเชตวันนั้น ในครั้งหนึ่งท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ให้กรรมกรเอาเงินมาปูลาดเต็มสถานที่นั้น เพื่อซื้อจากเจ้าของเดิม คือ เจ้าเชต และสำหรับในเรื่อง กกจูปมสูตร มีว่า

สมัยนั้น ท่านพระโมริยผัคคุณะอยู่คลุกคลีกับภิกษุณีทั้งหลายอย่างนี้ คือถ้าภิกษุรูปใดกล่าวติเตียนภิกษุณีเหล่านั้นต่อหน้าท่าน ท่านก็โกรธขัดใจภิกษุรูปนั้น ถึงกระทำให้เป็นอธิกรณ์ก็มี

อนึ่ง ถ้าภิกษุรูปใดติเตียนท่านพระโมริยผัคคุณะต่อหน้าภิกษุณีรูปนั้น พวกภิกษุณีนั้นก็พากันโกรธ ขัดใจภิกษุรูปนั้น ถึงกระทำให้เป็นอธิกรณ์ก็มี

ท่านพระโมริยผัคคุณะอยู่คลุกคลีกับภิกษุณีทั้งหลายอย่างนี้ ครั้งนั้นภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ กราบทูลให้ทรงทราบว่า ท่านพระโมริยผัคคุณะอยู่คลุกคลีกับภิกษุณี

นี่ก็เป็นกิเลสของแต่ละคน ซึ่งมากบ้างน้อยบ้าง ทางโน้นบ้าง ทางนี้บ้างเป็นของธรรมดา

เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงทราบ พระองค์ตรัสให้ภิกษุรูปหนึ่งไปบอกท่านพระโมริยผัคคุณะว่า พระศาสดาให้หา และเมื่อท่านพระโมริยผัคคุณะมาเฝ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคก็ตรัสถามว่า ที่พระองค์ทรงทราบนั้นเป็นความจริงไหม ซึ่งท่านพระโมริยผัคคุณะก็กราบทูลรับว่าจริง

ใครจะทำได้หรือไม่ได้ นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าสามารถกระทำได้ ก็เป็นประโยชน์กับตนเอง แล้วกับผู้อื่นด้วย


ที่มา และ รับฟังเพิ่มเติม ...

กุลปลิโพธ กังวลด้วยบุคคลในตระกูล