ถ้าไม่รู้สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ขณะนี้ ก็ปฏิบัติธรรมไม่ได้ ถ้าไม่รู้สิ่งที่กำลังปรากฏไม่ว่ากาลไหน ก็ไม่สามารถที่จะระลึกรู้สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏได้ เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ แต่เพราะ ความไม่รู้ ความเป็นตัวตนก็แทรกเข้ามา ความหวัง ความต้องการ ไม่เคยหมด ที่จะออกนอกเรื่องสิ่งที่กำลังมีจริงๆ ขณะนี้ ทุกอย่างไม่พ้นอนัตตา แต่ก็มีความเป็นอัตตา ตัวตนแทรกตลอด คิดดูซิว่าความเป็นตัวตนนั้นเหนียวแน่นเพียงใด? เพราะขณะที่ไม่ได้เข้าใจว่าเป็นเพียงธรรม ขณะนั้นเป็นเรา ฟังธรรมเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ขณะนั้นก็ละความต้องการ ถ้าไม่มีขณะนี้ที่เข้าใจสิ่งที่มีจริง มรรคมีองค์ ๘ และปัญญาขั้นสูงขึ้นๆ ก็มีไม่ได้ ไม่มีขณะไหนเลยที่ไม่ใช่ธรรม
ฟังเพื่อให้เข้าใจทุกขณะเป็นอนัตตา เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริง เข้าใจหรือยัง มีจริงเกิดแล้วตามเหตุปัจจัยคนฟังต้องฟังให้เข้าใจ ไม่ใช่ทำไปโดยไม่มีความเข้าใจธรรม ปัญญาต้องรู้จึงละได้ขณะนี้สภาพธรรมเกิดดับเร็วมาก สภาพธรรมปรากฏด้วยดี แข็งเกิดแล้วดับ แต่ก็ไม่รู้ขณะนี้แข็งปรากฏก็ไม่รู้ ไม่ได้ปรากฏกับสติสัมปชัญญะ ไม่ได้ปรากฏด้วยดี เพราะฉะนั้น ต้องฟังเพื่อเข้าใจ ทางใดที่ไม่ใช่ทางที่ให้เกิดความเข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริง ทางทั้งหลายเหล่านั้น เป็น สีลลัพตปรามาสะ ลืม เสมอว่าขณะนี้เป็นธรรม ออกนอกเรื่องเสมอ ออกไปจากสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ...
ขอบคุณ และอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุญาตแชร์นะครับและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาพี่เมตตา มา ณ ที่นี้ ครับ
ขออนุโมทนาครับ