พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 108 ข้อความบางตอนจาก วชิราสูตร
ว่าด้วยมารรบกวนวชิราภิกษุณี [๕๕๓] ลำดับนั้น มารผู้มีบาป ใคร่จะให้วชิราภิกษุณีบังเกิดความกลัว
ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงเข้า
ไปหาวชิราภิกษุณีถึงที่นั่งพัก ครั้นแล้วได้กล่าวกะวชิราภิกษุณีด้วยคาถาว่า
สัตว์นี้ ใครสร้าง ผู้สร้างสัตว์อยู่
ที่ไหน สัตว์บังเกิดในที่ไหน สัตว์ดับไป
ในที่ไหน.
[๕๕๔] ลำดับนั้น วชิราภิกษุณีได้มีความดำริว่า นี่ใครหนอกล่าว
คาถา จะเป็นมนุษย์หรืออมมุษย์.
ทันใดนั้น วชิราภิกษุณีได้มีความดำริว่า นี่คือมารผู่มีบาปใคร่จะให้
เราบังเกิดความกลัว ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้
เคลื่อนจากสมาธิ จึงกล่าวคาถา.
ครั้นวชิราภิกษุณีทราบว่า นี่คือมารผู้มีบาป แล้วจึงได้กล่าวกะมาร
ผู้มีบาปด้วยคาถาว่า
ดูก่อนมาร เพราะเหตุไรหนอ ความ
เห็นของท่าน จึงหวนกลับมาว่าสัตว์ ใน
กองสังขารล้วนนี้ ย่อมไม่ได้นามว่า สัตว์
เหมือนอย่างว่า เพราะคุมส่วนทั้งหลายเข้า
เสียงว่ารถย่อมมี ฉันใด.
เมื่อขันธ์ทั้งหลายยังมีอยู่ การสมมติ
ว่าสัตว์ย่อมมี ฉันนั้น ความจริง ทุกข์ (ขันธ์ 5 หรือนามธรรม รูปธรรม) เท่านั้นย่อมเกิด ทุกข์ เท่านั้นย่อมตั้งอยู่และเสื่อมสิ้นไป นอกจาก ทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มี อะไรดับ.
ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า วชิราภิกษุณีรู้จักเรา
ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง
ทุกข์เท่านั้นย่อมตั้งอยู่และ
เสื่อมสิ้นไป นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ.
...................................................
อนุโมทนาค่ะ