ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ไปสนทนาธรรมที่ ร้านบิสโตร พาเลท ฮาบิโตะมอลล์ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๖
โดย วันชัย๒๕๐๔  13 ต.ค. 2566
หัวข้อหมายเลข 46778

วันศุกร์ที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา และ อาจารย์ณภัทร เรืองจันทฤทธิ์ อาจารย์ มศพ. ได้รับเชิญจาก คุณปารณีย์ เตชะมาถาวร สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๔๐๔๒ คุณพัทธนันท์ แสนสุข สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๓๖๑๒ และ คุณปริญญ์วุฒิ กุลพิเนต สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๔๒๕๓ โดยการประสานงานของคุณฟองจันทร์ วอลช สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๓๐ เพื่อไปสนทนาธรรม ณ ร้านอาหารบิสโตร พาเลท ฮาบิโตะมอลล์ ชั้น ๓ แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ระหว่างเวลา ๑๐.๐๐ น. - ๑๕.๓๐ น.

ท่านอาจารย์ : เพื่อประโยชน์อย่างยิ่งที่จะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยที่ ฟังมาก็เยอะ แต่ไม่รู้ว่า อะไรถูก อะไรผิด เพราะไม่เคย "คิด" มีแต่ "ตาม" เช่นคำว่า "พระพุทธศาสนา" ดูไม่ยากใช่ไหม? ทุกคนรู้จัก ประเทศไทย คนไทย นับถือพระพุทธศาสนา แต่ถามว่า พระพุทธศาสนาคืออะไร? จะรู้ได้จากคำถาม ว่า มีความเข้าใจ ในคำที่เราคิดว่า เราเข้าใจแล้ว หรือว่า จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เข้าใจ

เพราะฉะนั้น การสนทนาธรรมวันนี้ เป็นการสนทนาแบบส่วนตัวจริงๆ สำหรับแต่ละคน ที่จะต้องเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง จากการที่ มาฟังแล้ว แล้วจะกลับไปไม่เข้าใจอะไรเลย จะเป็นประโยชน์ไหม? มาฟังแล้ว ต้องฟัง แล้วก็ เข้าใจว่าอย่างไร ผิด-ถูก อย่างไร แล้วก็ เป็นประโยชน์แค่ไหน? ด้วย

เพราะเหตุว่า ทุกคน ได้ยินคำว่าพระพุทธศาสนา แต่ถ้าถามให้ลึกซึ้งจริงๆ ว่า พระพุทธศาสนา คือ อะไร จะได้เริ่มรู้สึกตัว ว่า รู้จักพระพุทธศาสนา จริงๆ หรือเปล่า? ถ้าไม่สนทนากัน ทุกคนก็บอกว่า รู้จักพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ศาสนานั้น ไม่ใช่ศาสนานี้ แต่ว่า "พุทธ" คืออะไร? และ "ศาสนา" คืออะไร? และ ต่างกับคำที่เคยได้ยิน ได้ฟัง ตลอดชีวิตมา ทุกชาติ อย่างไร? นี่คือความที่จะต้องเข้าใจจริงๆ ไม่ใช่บอกว่า มีพระพุทธศาสนา คนไทยนับถือพระพุทธศาสนา แต่ว่า แม้แต่คำว่า ศาสนาคืออะไร และ คำสอนคืออะไร

เพราะฉะนั้น เป็นการสนทนาเพื่อประโยชน์ของแต่ละคน ที่จะได้ประโยชน์ จากการ "คิด และ ถาม" แล้วก็สนทนากัน เป็นประโยชน์ไหม? ดีกว่าฟังเฉยๆ ถ้าฟังเฉยๆ เบื่อแน่ อยู่ดีๆ ก็มีคนพูดอยู่คนหนึ่ง แล้วก็มีคนฟัง แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรเลย ใช่ไหม ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง พอเวลาฟังก็คิดว่าฟัง แต่ความจริง กำลังคิดเรื่องอื่นก็ได้ ใช่ไหม

เพราะฉะนั้น ต้องเป็นคนที่ตรงจริงๆ และรู้ว่า ประโยชน์จริงๆ คืออะไร ไม่ใช่ใครมาบอก แต่ว่า คำที่คนอื่นพูด ถูกต้องไหม? จริงหรือเปล่า? ถ้าไม่ถูกต้อง สมควรจะฟังต่อไปไหม? ถ้าคิดว่าไม่ถูกต้อง ก็สนทนากัน เพื่อเป็นคนตรง ว่า ฟัง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง!! และความเข้าใจที่ถูกต้องนั้น คืออะไร? เปิดเผย จริงใจ แล้วก็เป็นมิตร มิตรจริงๆ มิตรแท้ คือผู้ที่นำประโยชน์มาให้ ไม่ได้ให้สิ่งที่เป็นโทษเลย!! เพราะฉะนั้น ทุกคำ ไม่แน่ใจว่าเคยได้ยินมาก่อนหรือเปล่า แต่ว่าเป็นคำที่เคยพูดแน่นอน

เมื่อกี้นี้ ได้สนทนากับท่านหนึ่ง คุณชัยยศ แล้วก็ได้ถามคำถามฝากไว้ ไม่ทราบว่าพร้อมที่จะตอบ หรือว่า ให้เพื่อนๆ ได้ฟังด้วยได้ไหม? ว่าถามว่าอะไร แล้วทำไมไม่ตอบ แล้วเดี๋ยวนี้จะตอบหรือยัง? เชิญคุณชัยยศค่ะ

คุณชัยยศ : เมื่อสักครู่ที่อาจารย์ถามว่า คือพระหรือเปล่า? ใช่ประโยคนี้ไหมครับ?

ท่านอาจารย์ : เพราะว่าคุณชัยยศ "จะเป็นผู้สอนพระ" พอได้ทราบอย่างนี้ ดิฉันก็ถามว่า "พระ" คือใคร? ที่คุณชัยยศจะไปสอน คำตอบว่าอย่างไรคะ?

คุณชัยยศ : พระที่ผมจะได้รับเชิญไปนี่ เป็นพระที่ได้รับคัดเลือก ให้ไปเป็น เขาเรียกว่า "พระวิทยากร" ครับ เพียงแต่พระกลุ่มนี้ คนที่จัด เจ้าของโครงการก็เป็นพระรูปหนึ่ง ท่านก็อยากได้วิธีการ การจัดการเรียนรู้ ให้กับกลุ่มเด็ก เพราะว่า พระกลุ่มนี้ จะต้องไปเทศนาหรือไปสอนกลุ่มเด็ก เพียงแต่ว่า อยากได้วิธีการ ว่าจะทำอย่างไรให้เด็กสนใจ สิ่งที่พระจะถ่ายทอด

ท่านอาจารย์ : ค่ะ และคำถามของดิฉันถามว่า แล้ว "พระคือใคร?" ใช่ไหม?

คุณชัยยศ : ความเข้าใจของผมก็คือ พระก็เป็นตัวแทน เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ที่ทำหน้าที่ ถ่ายทอดพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ผมเข้าใจประมาณนี้ครับ

ท่านอาจารย์ : หมายความว่า ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีพระ ใช่ไหม? คือถามไปถามมา ให้ฟื้นการที่เราไม่เคยไตร่ตรอง ให้เริ่มทำงาน ให้ละเอียดขึ้น เพื่อจะได้เป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะว่า ทุกคำที่เป็นความถูกต้อง ต้องมีคำตอบที่ถูกต้อง!!

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีพระไหม? จริงใจ ตรงไป ตรงมา ถ้าถูกก็ไม่ผิด (หัวเราะ) เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีพระไหม? จะมีพระภิกษุไหม?

คุณชัยยศ : ไม่มี

ท่านอาจารย์ : ไม่มี!! เพราะฉะนั้น พระคือใคร? เห็นพระใช่ไหม? รู้จักพระหรือเปล่า? แล้วพระคือใคร? แต่คำถามและคำตอบเมื่อกี้นี้ ที่ถามว่า ถ้าไม่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่มีพระใช่ไหม ตอบให้ตรง ซึ่งเปลี่ยนไม่ได้เลย จะตอบว่าอย่างไร ที่เปลี่ยนไม่ได้เลย ถ้าไม่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่มีพระใช่ไหม?

คุณชัยยศ : ใช่!!

ท่านอาจารย์ : ใช่!! ใช่ไหม นี่ก็ได้คำตอบแล้วใช่ไหมว่า พระคือใคร เพราะถ้าไม่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีพระ!! เพราะฉะนั้น พระคือใคร? ไม่คิดเลย ถ้าคนอื่นเขาถาม ต้องคิดแล้วใช่ไหม? เพื่อที่จะได้คำตอบว่า แล้วเรารู้จักพระหรือเปล่า? จะไปสอนพระใช่ไหม? หรือจะไปทำอะไร?

คุณชัยยศ : ไปถ่ายทอดเทคนิคการสอนเด็ก ให้กับพระครับ

ท่านอาจารย์ : เพราะพระไม่มีใช่ไหม? ไม่มีเทคนิคอย่างนี้ใช่ไหม?

คุณชัยยศ : คือที่เขาสรุปมาให้ฟังอย่างนั้นครับ (หัวเราะ) ผมก็ยังไม่เคยเจอตัวคนที่จะไปสอน

ท่านอาจารย์ : นี่คือ ความที่ "เริ่มตรงตั้งแต่ต้น" เพราะว่า ถ้าไม่ตรง จะได้ประโยชน์ไหม? เรามาพูดสิ่งที่ไม่จริงและไม่ตรง แต่ว่า เรากำลังจะเริ่มรู้ตัวว่า มีคำว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้จักคำนี้แค่ไหน? และคำที่เราได้ยินได้ฟังว่านี่เป็นพระ แล้วเรารู้จักพระแค่ไหน?

เพราะฉะนั้น เป็นประโยชน์ไหม? ที่จะรู้ หรือไม่เห็นจะต้องไปรู้อะไร!! แต่นี่กำลังจะไปถ่ายทอดความรู้ใช่ไหม? ให้กับผู้ที่เป็นพระ

อ.ณภัทร : ครับคุณชัยยศครับ ท่านอาจารย์ก็ถามว่า พระคือใคร? เราก็คุ้นเคยใช่ไหม กับพระภิกษุในชีวิตประจำวัน แต่ว่า เราอาจจะยังไม่เคยคิดจริงๆ ว่า พระคือใคร? เป็นความที่เราเจออยู่ทุกวัน แต่ไม่เคยคิด!! ท่านอาจารย์ก็พูดให้เราค่อยๆ เป็นผู้ที่ เริ่มที่จะเป็นผู้ที่ละเอียด ในสิ่งที่มี เพราะว่า ถ้าเราไม่ละเอียด ความลึกซึ้งของพระธรรม ก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้

ดังนั้น พระคือใคร? ที่อาจารย์ชัยยศจะไปให้เทคนิค การถ่ายทอด ท่านอาจารย์ก็พูดให้คิดก่อนว่า พระคือบุคคลประเภทใด ที่เราจะไปให้เทคนิค

คุณชัยยศ : ตอนนี้เกิดอาการงงนิดหนึ่ง (หัวเราะ) เพราะว่า สิ่งที่อาจารย์พูด ที่บอกว่า ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะไม่มีพระสงฆ์

ท่านอาจารย์ : นี่เป็นคำถามที่ให้ "คิด" ว่า ถูกไหม? เพราะฉะนั้น แล้วแต่คำตอบ จะตอบว่าอย่างไร?

คุณชัยยศ : ตอบว่า ใช่ ครับ

ท่านอาจารย์ : ถูกต้อง!! ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีพระ แน่นอน!! เพราะฉะนั้น "พระ" เป็นใคร? พอจะมีคำตอบไหม? ถ้าเราไม่คิดเลย เราก็จะผ่านๆ ไป แต่ถ้าเราจะคิดให้ละเอียด เราจะได้รู้ว่า ตั้งแต่เกิดมานี่ เราตาม สิ่งที่เราได้ฟังตั้งแต่เด็ก เราถึงได้พูดได้ ในภาษาต่างๆ แต่ว่า เราจะมีความคิดไตร่ตรอง ในสิ่งที่ มีผู้ที่ถาม และเราก็เริ่มคิดว่า เห็นพระตามถนน แต่พระเป็นใคร? บ้างไหม? หรือเขาว่าพระ ก็พระ!!

เพราะฉะนั้น ก็มีคำถามที่ "ให้คิด" ซึ่งเป็นความจริงใจ แล้วก็เป็นประโยชน์ด้วย เพราะว่า ไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนแปลง ความเป็นพระ แต่ว่าเรายังไม่รู้จัก ใช่ไหม? เราเห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็น แต่ว่า ไม่รู้ว่า ความเป็นพระ คืออะไร? แต่ก็ได้คำตอบสั้นๆ ให้คิดต่อไปว่า ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีพระใช่ไหม เพราะฉะนั้น คำตอบก็ถูกต้อง!! ต่อเมื่อมีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จึงมีพระ!!

เพราะฉะนั้น ก็ถามย้อนไปว่า พระเป็นใคร? จากคำตอบเมื่อกี้นี้ พอที่จะตอบได้ไหม? พระเป็นใคร? เพราะถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีพระ!! เพราะฉะนั้น พระเป็นใคร?

อ.ณภัทร : ทุกท่านนะครับ ไม่ใช่เฉพาะอาจารย์ชัยยศ ทุกท่านสามารถที่จะร่วมสนทนาได้ ว่าพระคือใคร ท่านอาจารย์แนะให้ก่อนแล้วว่า ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีพระภิกษุ เพราะฉะนั้น พระภิกษุคือใคร?

ท่านอาจารย์ : แค่คำนี้คำเดียว เห็นไหม? ถ้าไม่เคยฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ไม่มีการที่จะคิดได้ ว่าทำไมจึงมีคำถามนี้ แต่เมื่อได้ฟังคำของพระองค์ ที่จะรู้ว่าเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้อง "ฟัง" คำนี้เคยได้ยินหรือเปล่า ทุกคนก็พูดกัน แต่ ความหมายต่างกัน ไม่ใช่ความหมายอย่างเดียวกัน ถ้าความหมายอย่างเดียวกัน ไม่ต้องมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ฟังแล้วนี่ คำนั้น ถูกไหม?

แต่นี่เป็นสิ่งที่ทุกคน ไม่เคยได้ฟัง แน่นอน เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริง ที่ พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ จึงถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แค่นี้!! เราจะคิดไหม? เป็นการตั้งต้นที่มั่นคง ต่อความจริง จริงใจที่จะรู้ว่า ที่เราคิด ถูกต้องแค่ไหน? ได้ยินคำว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีใครชื่อนี้เลย เป็นพระคุณนาม ใครจะทำดีมากมายมหาศาล เกิดในสวรรค์ แม้ว่าเกิดในพรหมโลก แต่จะชื่อนี้ไม่ได้ เพราะว่า ชื่อนี้เป็นพระคุณนาม ต้องเป็นชื่อสำหรับคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าใครไม่มีคุณที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ จะชื่อนี้ไม่ได้เลย!!

เพราะฉะนั้น ก็รู้จักบุคคลที่มีคุณยิ่งใหญ่ ที่มีพระนามว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ หรือยัง? ก็ต้องเริ่มคิดตั้งแต่ต้นเลย มิฉะนั้น การเข้าใจของเรา ไม่มั่นคง จับต้นชนปลายอยู่นั่นแหละ แต่ไม่มีการเข้าใจตั้งแต่ต้นอย่างมั่นคง

เพราะฉะนั้น คำถามแรก จะนำไปสู่การที่ "เริ่มมั่นคง" ด้วยการที่ "คำธรรมดา" พระภิกษุคือใคร?

คุณอรวรรณ : อาจารย์คะ ไม่ได้จะตอบ แต่ว่า จะขอสนทนากับอาจารย์ชัยยศ ว่า ในเมื่อเขาจะไปสอนพระที่จะไปเป็นวิทยากร

ท่านอาจารย์ : ขอโทษนะคะ คุณชัยยศเปลี่ยนคำพูดเป็น ไม่ใช่สอนใช่ไหม เมื่อกี้นี้

คุณชัยยศ : ถ่ายทอดเทคนิค

คุณอรวรรณ : ถ่ายทอดเทคนิค ทีนี้ ก็จะบอกว่า เพราะฉะนั้น คุณชัยยศก็ต้องรู้ว่า พระคือใคร? ตามความเข้าใจเดิม เพราะว่าจะไปแนะนำเขา ก็เลยจะแนะนำว่า ไม่ต้องไปคิดว่า ถูกหรือผิด ถ้าเดิมเขาเข้าใจอย่างไร พระคือใครนี่ ก็ลองสนทนากับท่านอาจารย์ค่ะ คือไม่ได้คิดว่าจะตอบแทน เดี๋ยวเขาจะคิดว่า พูดไปแล้วจะกลัวผิด จริงๆ ไม่ใช่ เพราะว่า อย่างตอนมาฟังก็จะไม่เข้าใจคำที่ท่านอาจารย์จะสื่อให้เข้าใจ แต่เมื่อฟังแล้วจึงเข้าใจ เพราะฉะนั้น ทุกคนก็ต้องเริ่มต้นว่า เดิมเราเข้าใจแบบนี้ ถ้าสมมติเราเข้าใจไม่ถูก เราก็เปลี่ยนความเข้าใจใหม่ ด้วยความไตร่ตรองของเรา ว่าเราถูกไหม จะแลกเปลี่ยนตรงนี้ค่ะ ว่า จริงๆ ต้องรู้อยู่แล้วใช่ไหม? ว่าพระคือใคร? ในความคิดเดิมของเรา ก็แสดงออกมาเลยได้ ไม่ได้ว่าเป็นผิดถูก

คุณชัยยศ : ขอบคุณครับ ถ้าความคิดเดิม ถ้าถามว่าพระคือใคร? ก็คือ ผู้ที่ นำคำสอนของพระพุทธเจ้า ไปเผยแพร่ ที่เข้าใจ ความคิดเดิม

ท่านอาจารย์ : ความคิดเดิม หมายความว่า เดี๋ยวนี้คิดอย่างนั้นหรือเปล่า? ถ้าใช้คำว่า "ความคิดเดิม"

คุณชัยยศ : ปัจจุบัน คิดอย่างนี้ แต่ว่า วันนี้มา เผื่อสนทนาแล้วอาจจะได้ความคิดใหม่กลับไปก็ได้ครับ

ท่านอาจารย์ : ค่ะ แต่ยังไม่ทราบว่าคืออะไร? ใช่ไหม?

คุณชัยยศ : ครับ

ท่านอาจารย์ : ถ้าคนอื่นบอก ก็ไม่เหมือนกับเราไตร่ตรอง แต่ที่ฟังเมื่อกี้นี้ ถูกต้อง เป็นผู้ที่ศึกษาคำสอน นำคำสอนที่ได้เข้าใจแล้ว ไปกล่าวคำสอนนั้นให้คนอื่น ได้พิจารณา ไตร่ตรอง ว่าถูกต้อง เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้ว ต้องไม่ลืม ที่ถูกแล้ว ใครควรสอนใคร? และ สอนอะไร?

เห็นไหม ต้องละเอียดมาก คิดแค่นี้ยังไม่พอ ต้องคิดอีก ยังไม่พออีก ต้องคิดอีก ยังไม่พออีก จนกว่าจะตรงถึงที่สุด เปลี่ยนไม่ได้!! ที่จะเป็นภิกษุ "พระภิกษุ" และในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังตรัสว่า "ภิกษุในธรรมวินัย" เติมให้ครบ ให้เต็ม

เพราะ ภิกษุคือใคร? แต่ก็ยังต้องมี ภิกษุในพระธรรมวินัย หมายความเพิ่มขึ้นใช่ไหม? ที่จะไม่คลาดเคลื่อน ภิกษุ-ใน-ธรรม-วินัย นี่คือการที่ กว่าจะรู้จักพระพุทธเจ้า และบางคนก็ไม่สนใจเลย ตลอดชีวิต!! ไม่รู้เลยว่า เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เหนือสิ่งอื่นใด ในสังสารวัฏฏ์ ไม่ว่าจะเกิดกี่ชาติก็ตามแต่ เป็นใครที่ไหนก็ตามแต่ มีทุกสิ่งทุกอย่างอย่างไรก็ตามแต่ ไม่มีค่า เท่ากับการที่ "ได้เริ่มรู้คุณ" ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และกราบไหว้ บูชา เรียกพระองค์ว่า พระผู้มีพระภาค บ้าง หรือว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า บ้าง เพราะ รู้จักคุณของพระองค์

เพราะฉะนั้น ภิกษุคือใคร? นี่ ชัดเจนใช่ไหม? ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีภิกษุ และ เมื่อมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ผู้ที่ได้ฟังคำสอนของพระองค์ ต่างอัธยาศัย อย่างคฤหัสถ์อย่างเรา ก็ฟังคำสอนได้ ไม่ปิดกั้น ไม่ใช่เฉพาะภิกษุ ทุกคนได้ฟังคำสอน เป็นผู้ตรง จริงใจว่า สามารถที่จะเข้าถึงคำสอนนั้น ในชีวิตที่ต่างกัน เป็นภิกษุ โดยสละเพศคฤหัสถ์ทั้งหมด บ้านช่อง เงินทอง ทรัพย์สมบัติ วงศา คณาญาติ เพื่อที่จะดำเนินรอยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ อุทิศชีวิตทั้งหมด ที่จะเห็นประโยชน์สูงสุด คือ ศึกษา ฟัง ไตร่ตรอง ให้เข้าใจ คำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส จากการที่พระองค์ทรงตรัสรู้

ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็จะไปเป็นภิกษุได้ ต้องมีการบวช ตามพระธรรมวินัย จะทำผิดแล้วแอบไปบวช อย่างนี้ก็ไม่ใช่ภิกษุ ต้องได้รับอนุมัติ ได้รับการที่จะให้อุปสมบทได้ จากพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ ให้เป็นภิกษุในพระธรรมวินัย ได้

เพราะฉะนั้น ก็ต่างกัน คนที่ทำผิด ปลอมเป็นภิกษุได้ใช่ไหม คนไม่รู้เลย เพียงเครื่องแบบ เพียงเครื่องที่สวมใส่ เหมือนกันเลย แต่ ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย ไม่ใช่ภิกษุ!!

เพราะฉะนั้น จึงต้องรู้ความหมายของภิกษุ ว่า ไม่ได้ต่างกันตรงเสื้อผ้าที่ใส่เป็นจีวร ต่างกับคฤหัสถ์ แต่ว่า ต้องต่างกันตรงที่ความเข้าใจพระธรรม ถ้าบวช ต้องเข้าใจพระธรรมหรือเปล่า? เห็นไหม ก็ต้องเริ่มคิด เป็นคนตรง ผิดหรือถูก? ถ้าจะสละเพศคฤหัสถ์ แล้วบวชเป็นบรรพชิต ต้องเข้าใจพระธรรมวินัยหรือเปล่า? ถ้าไม่เข้าใจพระธรรมวินัย บวชทำไม? ต้องมีคำตอบที่ตรง และถูกต้อง!!



ความคิดเห็น 1    โดย Nataya  วันที่ 13 ต.ค. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 13 ต.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ


ความคิดเห็น 3    โดย วินัย ไกรสีห์  วันที่ 13 ต.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพอย่างสูงเหนือเศียรเกล้าครับ


ความคิดเห็น 4    โดย วินัย ไกรสีห์  วันที่ 13 ต.ค. 2566

_/|\_


ความคิดเห็น 5    โดย papon  วันที่ 13 ต.ค. 2566

ขออนุโมทนาทุกท่านครับ


ความคิดเห็น 6    โดย เฉลิมพร  วันที่ 13 ต.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งและกราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย Jans  วันที่ 14 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย namarupa  วันที่ 14 ต.ค. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างสูง และอนุโมทนาในกุศลจิตของคุณวันชัยด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย Selaruck  วันที่ 14 ต.ค. 2566

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง

กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของเจ้าภาพค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย siraya  วันที่ 16 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย jaturong  วันที่ 16 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย chuchartjam  วันที่ 24 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ