สภาพธรรม ที่เกิดขึ้น คือ จิต เจตสิก รูป เกิดขึ้น และ ดับไป และเป็นปัจจัยให้สภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก เกิดดับ สืบต่อกันไปอีก ซึ่งโดยมากของปุถุชน ย่อมไม่มีปัญญาที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังเกิดขึ้น และดับไป และเกิดขึ้นใหม่ สืบต่อกันไปทุกขณะ
เพราะฉะนั้น การอบรมปัญญา เพื่อรู้ความจริง ก็รู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ที่กำลังเกิดขึ้น ปรากฏ และหากไม่รู้ในสภาพธรรมใดสภาพธรรมหนึ่ง ก็รู้ในสภาพธรรมที่กำลังเกิดขึ้นต่อไปอีกขณะ หากปัญญาเกิด จึงเป็นความหมายที่ว่าอบรมการสืบต่อของสภาพธรรม คือ ปัญญาที่เกิดรู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะต่อไป ซึ่งเมื่อสติปัฏฐานเกิด ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ทางใดทางหนึ่ง คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เมื่อนั้นปัญญาก็ตามรู้ กำลังอบรมการสืบต่อของสภาพธรรม โดยรู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ที่สำคัญไม่มีตัวตนที่จะอบรมการสืบต่อ ไม่มีตัวตนที่จะไปตามรู้ แต่เมื่อใดปัญญาเกิด เมื่อนั้นปัญญาก็ทำหน้าที่รู้ความจริง ซึ่งก็จะต้องอาศัยการฟัง ศึกษาพระธรรมต่อไป ปัญญาก็จะเกิดทำหน้าที่เอง
ซึ่งจะต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ปัญญาก็จะเกิดทำหน้าที่เอง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ