เรียนถามท่านอาจารย์วิทยากรว่าเหตุใดจึงกล่าวว่า
จิตเห็น ลึกลับ เพราะไม่ปรากฎ
แต่ เกิดขึ้น จึงเห็นสิ่งที่ปรากฎ
รู้ยากแต่ค่อยๆ เข้าใจได้
ขอขอบพระคุณค่ะ
จิตเป็นปรมัตถธรรม จิตเป็นวิญญาณขันธ์ จิตเป็นมนายตนะ จิตเป็นมนินทรีย์ จิตเป็นวิญญาณธาตุ จิตเป็นทุกขอริยสัจจ์ ฯลฯ ผู้รู้แจ้งจิตตามความเป็นจริง ย่อมพ้นจากวัฏฏทุกข์นี้ได้ ดังนั้น ปุถุชนทั้งหลายยังไม่รู้จักจิตตามความเป็นจริง สภาวของจิตจึงลึกลับ ไม่ปรากฏตามความเป็นจริงแก่ผู้มีปัญญาทราม กัลยาณปุถุชน ทั้งหลาย เมื่อได้สดับ ศึกษาในอริยธรรม อริยวินัย ย่อมค่อยๆ เข้าใจสภาวของจิตได้..
กัลยาณปุถุชนทั้งหลาย เมื่อได้สดับ ศึกษาในอริยธรรม อริยวินัย ย่อมค่อยๆ เข้าใจสภาว ของจิตได้
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ....
ตติยปาราชิกสิกขาบท มีสมุฏฐาน ๓ [มหาวิภังค์]
[เล่มที่ 11] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 258
ในวาระของนักตรึก มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ สมณะหรือพราหมณ์ผู้ตรึกนี้ ย่อมเห็นความแตก ทำลายของจักษุเป็นต้น แต่เพราะเหตุที่จิตดวงแรกๆ พอให้ปัจจัยแก่ดวงหลังๆ จึงดับไปฉะนั้น จึงไม่เห็นความแตกทำลายของจิต ซึ่งแม้จะมีกำลังกว่าการแตกทำลายของจักษุ เป็นต้น. สมณะหรือพราหมณ์ผู้ตรึกนั้น เมื่อไม่เห็นความแตกทำลายของจิตนั้น จึงยึดถือว่า เมื่ออัตตภาพนี้แตกทำลายแล้ว จิตย่อมไปในอัตตภาพอื่นเหมือนอย่างนกละ ต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วไปจับที่ต้นอื่นฉะนั้นจึงกล่าวอย่างนี้
ขออภัยผมไม่ใช้วิทยากร แต่โพสไปแล้ว โปรดอโหสิกรรมด้วยครับ
ขออนุโมทนาและขอบพระคุณท่านอาจารย์ prachern.s มากค่ะ
ขออนุโมทนาและขอบคุณคุณจำแนกไว้ดีจ๊ะที่ร่วมแสดงความคิดเห็น
ขอเชิญทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สาธุ
จิต เป็น นามธรรม ไม่มีรูปร่างสัณฐานแม้มีจริงก็ไม่ปรากฏ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมพระศาสดาทรงตรัสรู้ ฟังด้วยดี พิจารณาด้วยดี เพื่อเป็นสังขารขันธ์ต่อการอบรมเจริญปัญญาต่อไป ธาตรู้ ที่มีจริงและทรงพระมหากรุณา แสดงธรรมอย่างละเอียด โดยทวารต่างๆ เช่นจิตเห็น ก็ไม่ใช่เราเห็น แต่เป็นการทำกิจของอายตนะ ทั้งภายในและภายนอกคือจักขุปสาทรูป และรูปารมณ์ กระทบกันปรากฏเป็น "ลักษณะ" ของจิตเห็น ที่มีจริงไม่ต้องเรียกชื่ออะไร ก็ทราบได้โดย "ลักษณะ"ของการเห็นเกิดกับใคร ที่ไหน ก็มี "ลักษณะ" เดียวกัน แต่เพราะยังไม่ประจักษ์ลักษณะ "การเห็น" จึงยังลึกลับ คือยังไม่รู้แจ้ง "การเห็น"จะไม่ลึกลับ ไม่เป็นปริศนาต้องอบรมเจริญปัญญา ทางเดียวเท่านั้น ลักษณะของ "สภาพธรรมที่เห็น" จึงจะปรากฏเมื่อเหตุปัจจัยถึงพร้อม เหตุสมควรแก่ผล ถ้าประจักษ์ แล้ว จริงๆ จะไม่สงสัยและเป็นสิ่งที่ไม่ "ลึกลับ" อีกต่อไปถ้ายังสงสัยอยู่ ก็ยัง "ลึกลับ"จึงต้องเป็นผู้ตรงต่อตนเองและไม่ประมาท ว่า รู้แล้วเพราะการประจักษ์สภาพธรรมตามความเป็นจริงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย.
ขออนุโมทนาค่ะ
สภาพธรรมที่ระลึกได้ เกิดพร้อมกับสภาพธรรมที่รู้ตัว และสภาพธรรมที่รู้แจ้ง สภาพธรรมที่ระลึกไม่ได้ด้วยอำนาจของสภาพธรรมนั้น มีอยู่หนอ ทรงตรัสรู้แล้วมรรคใดหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้ถึงสภาพธรรมที่ระลึกได้ อันเกิดพร้อมกับ สภาพธรรมที่รู้ตัว และประกอบด้วยสภาพธรรมที่รู้แจ้ง ขจัดเสียซึ่งสภาพธรรม ที่ระลึกไม่ได้ด้วยอำนาจของสภาพธรรมนั้น
สาธุ สาธุ สาธุ.