ได้ยินเพื่อนหลายคน (ซึ่งศึกษาธรรมะต่างสถานที่กัน) กล่าวว่า อาจารย์ที่สอน เน้นให้แยกกายและจิต บางคนกล่าวว่าผู้ที่ปฏิบัติตาม เมื่อถึงคราวจะสิ้นลม (เพราะเป็นมะเร็ง) ก็สามารถทำได้ เพราะไม่รู้สึกทุรนทุรายเลย สงบมาก ขอเรียนถามว่า ถ้าบุคคลนั้นแยกได้จริง ถือเป็นการเจริญในธรรมหรือเปล่าคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญา เริ่มตั้งแต่ การฟัง ศึกษาพระธรรม ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ตามพระไตรปิฎก เพราะฉะนั้น หากไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็สำคัญ แม้แต่คำว่า จิต ผิด เพราะในความเป็นจิต เกิดขึ้นและดับไป และมีเหตุปัจัย จิตก็เกิดขึ้น ผุ้ที่ไม่มีจิตเกิดอีกเลย คือ พระอรหันต์ที่ดับกิเลสหมดแล้วและปรินิพพาน ซึ่งแท้ที่จริง จิตก็เกิดอยู่ จะไปแยกจิตตอนไหนอย่างไร เพราะ จิตไม่ได้มีไว้ให้แยก แต่ จิตมีไว้ให้รู้ความจริงว่า ไม่ใช่จิตของเรา แต่เป็นเพียงธรรม ขณะนี้เห็น รู้ไหมว่า เห็นเป็นจิต ไม่รู้เลย ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม แต่ จะไปแยกจิต ทั้งทีี่จิตเกิดแล้วในขณะนี้และก็มีความไม่รู้ สำคัญผิดว่า เป็นจิตของเรา เป็นเราที่เห็น แท้ที่จริงเป็นแต่เพียงธรรม เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนาเป็นของปัญญา และ เป็นเรื่องละโดยตลอด ไม่ใช่จะได้ จะได้ ไม่ทุกข์ ไม่เจ็บ แต่ เป็นหนทางละ และ เข้าใจถูก เพราะฉะนั้น แม้จะไม่เจ็บ หรือ ไม่ปวดเลย จะด้วยเหตุปัจจัยอะไรก็ตาม แต่ไม่ได้รู้ความจริงและไม่ได้มีปัญญาเกิดขึ้น ก็ไม่สามารถละกิเลสได้ เพราะกำลังเดินตามด้วยกิเลสอยู่ ด้วยโลภะ ที่อยากจะได้ผล ลืมความเข้าใจเป็นสำคัญ อันเกิดจากการฟัง ศึกษาพระธรรม ครับ ขออนุโมทนา
เพราะไม่รู้ความจริงจึงหวั่นไหวไป แท้ที่จริงคือธรรมะ เป็นสิ่งที่เกิดดับทันที นี่คือพระปัญญาธิคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ปุถุชนก็เป็นปุถุชน แต่ได้ฟังธรรม แล้วค่อยๆ ขัดเกลาได้
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจ ไม่ใช่เรื่องการแยก เนื่องจากยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แม้แต่กาย ก็ไม่รู้ จิต ก็ยังไม่รู้ ก็เป็นการเพียงแค่ฟังตามๆ กันมา เพราะฉะนั้น จึงควรตั้งต้นที่การฟังพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ ว่า ที่กล่าวว่าเป็นรูปร่างกาย นั้น ก็ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรมที่เป็นรูปธรรม ภายในตนเอง ที่เกิดเพราะสมุฏฐานต่างๆ มีกรรมเป็นสมุฏฐาน เป็นต้น ซึ่งเป็นธรรมที่มีจริง ไม่ใช่เรา ส่วนในเรื่องของจิตนั้น มีจริงๆ แต่ไม่มีรูปร่าง เพราะเป็นนามธรรม เป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้ ทุกขณะไม่เคยปราศจากจิตเลย มีจิตเกิดขึ้นเป็นไปอย่างไม่ขาดสาย จิตขณะหนึ่งดับไปเป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันที เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่ใช่เรา ก็ขอให้ตั้งต้นที่การฟังพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ ขณะที่เข้าใจก็เป็นสะสมเหตุที่ดี คือ ปัญญา เมื่อไม่ขาดการฟัง ฟังต่อไป ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณค่ะ
ในโลกนี้ย่อแล้วมีแต่นามธรรม และ รูปธรรม รูปธรรมไม่ใช่สภาพรู้ ไม่รู้สึกสุขทุกข์ ส่วนนามธรรมคือสภาพรู้ ธาตุรู้ ถ้าไม่ศึกษาธรรมให้เข้าใจก่อนแล้ว ก็จะไม่รู้จักธรรมขณะนี้ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ