ในขุททกนิกาย จูฬนิทเทส ภาค ๒ โมฆราชมาณวกปัญหานิทเทสข้อ ๕๐๕
พระผู้มีพระภาคตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน หญ้าไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ใดที่มีอยู่ในเขตวิหารนี้ ชนพึงนำหญ้า ไม้ กิ่งไม้ ใบไม้นั้นไปเสียเผาเสีย หรือพึงทำตามควรแก่เหตุ ท่านทั้งหลายพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ชนนำเราทั้งหลายไปเสีย เผาเสีย หรือทำตามควรแก่เหตุบ้างหรือหนอ
ภิ. ไม่ใช่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
พ. นั้นเป็นเพราะเหตุไร
ภิ. เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ตน หรือสิ่งที่เนื่องกับตน ของข้าพระองค์ทั้งหลาย อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
พ. ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล สิ่งใดไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายจงละสิ่งนั้นเสีย สิ่งนั้นอันท่านทั้งหลายละเสียแล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขตลอดกาลนาน
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย รูปไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงละรูปนั้นเสีย รูปนั้นอันท่านทั้งหลายละเสียแล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขตลอดกาลนาน …เวทนา …สัญญา …สังขาร…วิญญาณ อันท่านทั้งหลายละเสียแล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขตลอดกาลนาน บุคคลย่อมพิจารณาเห็นโลกโดยความเป็นของสูญแม้อย่างนี้
ข้อความตอนท้ายพระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร คามณิเมื่อบุคคลเห็นซึ่งความเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งสิ้น ซึ่งความสืบต่อแห่งสังขารทั้งสิ้น ตามความเป็นจริงภัยนั้นย่อมไม่มี เมื่อใด บุคคลย่อมพิจารณาเห็นโลกเสมอหญ้าและไม้ด้วยปัญญา เมื่อนั้น บุคคลนั้นก็ไม่พึงปรารถนาภพหรืออัตตภาพอะไรๆ อื่น เว้นไว้แต่นิพพาน อันไม่มีปฏิสนธิ ฯ บุคคลย่อมพิจารณาเห็นโลกโดยความเป็นของสูญ แม้อย่างนี้ ฯ
เมื่อยังไม่รู้สึกว่ารูปที่เคยยึดถือเป็นของตน เวทนาความรู้สึกต่างๆ ซึ่งเคยรู้สึกว่าเป็นของตน สัญญา ความจำต่างๆ ว่าเป็นเรา ชื่อนี้อยู่ในโลกนี้ มีกิจหน้าที่อย่างนี้ สังขารทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นกุศลธรรมหรืออกุศลธรรมทั้งหลายเสมอกับหญ้า ไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ก็ยังไม่สามารถละการยึดถือสภาพธรรม คือ รูปเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณได้
ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป
บุคคลย่อมพิจารณาเห็นโลกเสมอหญ้าและไม้ด้วยปัญญา เมื่อนั้น บุคคลนั้นก็ไม่พึงปรารถนาภพหรืออัตตภาพอะไรๆ อื่น เว้นไว้แต่นิพพาน อันไม่มีปฏิสนธิ ฯ บุคคลย่อมพิจารณาเห็นโลกโดยความเป็นของสูญ แม้อย่างนี้ ฯ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ