บทสวดสรรเสริญพระธรรมคุณ ทำนองสรภัญญะ
โดย natural  7 ม.ค. 2557
หัวข้อหมายเลข 24300

บทสวดสรรเสริญพระธรรมคุณ

ธรรมะคือคุณากร ส่วนชอบสาคร

ดุจดวงประทีปชัชวาล

แห่งองค์พระศาสดาจารย์ ส่องสัตว์สันดาน

สว่างกระจ่างใจมล

ธรรมใดนับโดยมรรคผล เป็นแปดพึงยล

และเก้ากับทั้งนฤพาน

สมญาโลกอุดรพิศดาร อันลึกโอฬาร

พิสุทธิ์พิเศษสุกใส

อีกธรรมต้นทางครรไล นามขนานขานไข

ปฏิบัติปฏิยัติเป็นสอง

คือทางดำเนินดุจคลอง ให้ล่วงลุปอง

ยังโลกอุดรโดยตรง

ข้าฯ ขอโอนอ่อนอุตมงค์ นบธรรมจำนง

ด้วยจิตและกายวาจาฯ

ขอรบกวนเรียนถามความหมายบางส่วนที่ขีดเส้นใต้ ค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 7 ม.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ธรรมะคือคุณากร ส่วนชอบสาธร"

ที่ถูกเป็นสาธร ไม่ใช่ สาคร ครับ

"ธรรมะคือคุณากร ส่วนชอบสาธร" แปลว่า ผู้กระทำซึ่งคุณ ธรรมะมีคุณโดยส่วนเดียว

"ส่วนชอบสาธร" เป็นความดีที่มั่นคง "ดุจดวงประทีปชัชวาล" เปรียบเหมือนแสงไฟที่สว่างไสว

"สมญาโลกอุดรพิศดาร อันลึกโอฬารพิสุทธิ์พิเศษสุกใส"

ประโยคนี้กำลังอธิบายประโยคต้น ที่กล่าวถึง โลกุตตรธรรม ๙ ที่เป็น มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ ว่าลึกซึ้งอย่างยิ่ง เปรียบเหมือนโลกอุดร คือ อุตตรกุรุทวีป ทวีปที่ห่างไกล อันลึกโอฬาร คือ ใหญ่ และ ลึก เกินหยั่งถึง ดั่งเช่น พระธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม ๙ เกินหยั่งถึง จากปุถุชนผู้ไม่มีปัญญา

และ ประโยคที่ว่า "อีกธรรมต้นทางครรไล นามขนานขานไข ปฏิบัติปริยัติเป็นสอง"

กล่าวถึง พระธรรมว่า อีกธรรมต้นทางครไล คือ ธรรมที่เป็นทางเดิน (ครรไล) ที่จะถึงโลกุตตรธรรม ๙ เริ่มจาก ปฏิบัติ และ ปริยัติ

ประโยคที่ว่า "ข้าขอโอนอ่อนอุตมงค์ นบธรรมจำนง ด้วยจิตและกายวาจาฯ"

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมสูงสุด ในพระธรรม ด้วย กาย วาจาและใจ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย natural  วันที่ 7 ม.ค. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย khampan.a  วันที่ 8 ม.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไพเราะ ตั้งแต่ข้อความที่ปรากฏในท่อนแรก คือ ธรรม คือ คุณากร (คุณากร แปลว่า บ่อเกิดแห่งคุณความดี) ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สัตว์โลกก็จะไม่ได้ยินแม้แต่คำว่าธรรมเลย และไม่มีทางที่สัตว์โลกจะมีคุณความดีจนสามารถดับกิเลสได้ แต่เพราะมีการตรัสรู้และทรงแสดงธรรม ประกาศความจริงของพระองค์ จึงทำให้สัตว์โลกได้ยินได้ฟังความจริง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นปัญญาของตนเอง จากที่เป็นผู้มากไปด้วยกิเลสปกคลุมจิตใจที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานสังสารวัฏฏ์ ก็จะค่อยๆ มีความเข้าใจถูกเห็นถูกเพิ่มขึ้น คุณความดีทุกอย่างก็เจริญขึ้นคล้อยตามความเข้าใจที่เจริญขึ้น จนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น สูงสุดจนถึงสามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้นถึงความเป็นพระอรหันต์ ห่างไกลแสนไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ทั้งหมดทั้งปวงนั้นเพราะได้อาศัยพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

การศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้่าทรงแสดง ก็เพื่อความเข้าใจในสิ่งที่มีจริง พระธรรมมีแต่คุณประโยชน์อย่างเดียว หาโทษไม่ได้เลยในพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ตลอด ๔๕ พรรษาแห่งการประกาศคำสอนของพระองค์นั้น ล้วนเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงโดยตลอด การเข้าใจพระธรรมไม่ได้เสียหายอะไรเลย เมื่อศึกษาพระธรรมแล้ว มีแต่ได้เท่านั้น คือ ได้สะสมปัญญา ได้เข้าใจความจริง การเข้าใจพระธรรมจึงเป็นลาภอันประเสริฐ เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมมากขึ้น ในชีวิตประจำวันจึงมีการงดเว้นจากกุศลกรรมมากขึ้น แล้วกระทำกุศลกรรมเพิ่มขึ้น กาย วาจา และใจ เป็นไปในทางที่ดีเพิ่มขึ้น แต่ละบุคคลสามารถเห็นคุณค่าของพระธรรม สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่าหลังจากที่ได้ฟังพระธรรมแล้วเกิดประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องเป็นปัญญาของผู้นั้นเท่านั้นที่จะรู้ตามความเป็นจริงได้ และที่น่าพิจารณาคือ ไม่ใช่เพียงแค่กล่าวบทสรรเสริญพระธรรมคุณเท่านั้น แต่ต้องมีความจริงใจที่จะศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพอย่างยิ่ง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 4    โดย wannee.s  วันที่ 8 ม.ค. 2557

พระธรรม มีคุณ ที่ทำให้ผู้ศึกษา พ้นทุกข์ได้จริง ค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย peem  วันที่ 8 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย chatchai.k  วันที่ 18 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ