ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำหรับภูมิซึ่งเป็นผลของกามาวจรกุศลมี ๗ ภูมิ คือ มนุษย์ ๑ ภูมิ สวรรค์ ๖ ภูมิ
ในพระไตรปิฎกแสดงภูมิที่เกิดของมนุษย์ว่า มนุสสภูมิ คือ ที่เกิดของมนุษย์นั้น มี ๔ ทวีป คือ
๑. ปุพพวิเทหทวีป อยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาสิเนรุ
๒. อมรโคยานทวีป อยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขาสิเนรุ
๓. ชมพูทวีป (โลกนี้) อยู่ทางทิศใต้ของภูเขาสิเนรุ
๔. อุตตรกุรุทวีป อยู่ทางทิศเหนือของภูเขาสิเนรุ
ผู้ที่เกิดในโลกนี้ซึ่งเป็นชมพูทวีป ก็เห็นแต่ชมพูทวีป ไม่ว่าจะท่องเที่ยวไปที่ใดก็เห็นแต่อารมณ์ต่างๆ ของชมพูทวีป ยังไม่สามารถที่จะไปถึงทวีปอื่น ซึ่งเป็นโลกของมนุษย์อื่นอีก ๓ โลก
สวรรค์มี ๖ ภูมิ ตามลำดับ คือ
สวรรค์ภูมิที่ ๑ คือ จาตุมหาราชิกา มีเทวดาซึ่งเป็นใหญ่ ๔ องค์ คือ
ท้าวธตรัฏฐ์ เป็นเทพผู้เป็นใหญ่ทางทิศตะวันออก บางครั้งมีชื่อว่า อินทะ เป็นผู้ปกครอง คันธัพพเทวดา (คนธรรพ์)
ท้าววิรุฬหก เป็นเทพผู้เป็นใหญ่ทางทิศใต้ บางครั้งมีชื่อว่า ยมะ เป็นผู้ปกครองกุมภัณฑ์เทวดา
ท้าววิรูปักข์ เป็นเทพผู้เป็นใหญ่ทางทิศตะวันตก บางครั้งมีชื่อว่า ท้าววรุณ เป็นผู้ปกครองนาคเทวดา
ท้าวกุเวร เป็นเทพผู้เป็นใหญ่ทางทิศเหนือ บางครั้งมีชื่อว่า ท้าวเวสสุวัณณ์ เป็นผู้ปกครองยักขเทวดา
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาเป็นสวรรค์ชั้นต้น ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูมิมนุษย์ สวรรค์ซึ่งเป็นภูมิของเทพนั้นสูงขึ้นๆ ตามระดับความประณีตของสวรรค์
สวรรค์ภูมิที่ ๒ คือ ดาวดึงส์ อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีพระอินทร์เป็นจอมเทพ ทุกท่านคงได้ยินชื่อสวนสวรรค์ในชั้นดาวดึงส์บ่อยๆ สวนสวรรค์ในชั้นดาวดึงส์มี ๔ คือ สวนนันทวันอยู่ทางทิศตะวันออก สวนจิตรลดาวันอยู่ทางทิศตะวันตก สวนมิสสกวันอยู่ทางทิศเหนือ สวนผารุสกวันอยู่ทางทิศใต้
สวรรค์ภูมิที่ ๓ คือ ยามา
อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
สวรรค์ภูมิที่ ๔ คือ ดุสิต
อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นยามา
สวรรค์ภูมิที่ ๕ คือ นิมมานรดี
อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นดุสิต
สวรรค์ภูมิที่ ๖ คือ ปรนิมมิตวสวัตตี
อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
ใครอยากจะอยู่สวรรค์ชั้นไหน เมื่อไม่ใช่พระอรหันต์ก็ยังต้องเกิดอีก แต่จะเกิดที่ไหน คงไม่ถึงพรหมภูมิ เพราะการที่จะเกิดเป็นพรหมบุคคลในพรหมภูมิได้นั้น ต้องเป็นผลของฌานกุศลที่ไม่เสื่อมตามที่กล่าวแล้ว ฉะนั้น ก็คงจะเกิดในกามภูมิ ภูมิใดภูมิหนึ่ง แล้วแต่ว่าจะเป็นอบายภูมิหรือสุคติภูมิตามเหตุ คือ กรรมหนึ่งที่ได้กระทำแล้วในสังสารวัฏฏ์
รูปาวจรภูมิซึ่งเป็นที่เกิดของรูปพรหมบุคคลมี ๑๖ ภูมิ คือ
ปฐมฌานภูมิ มี ๓ ภูมิ คือ
ปาริสัชชาภูมิ ๑ เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุปฐมฌานกุศลจิตที่มีกำลังอ่อน
ปุโรหิตาภูมิ ๑ เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุปฐมฌานกุศลจิตที่มีกำลังปานกลาง
มหาพรหมาภูมิ ๑ เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุปฐมฌานกุศลจิตที่มีกำลังประณีต
ทุติยฌานภูมิ มี ๓ ภูมิ เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุทุติยฌานโดยจตุกกนัย หรือทุติยฌาน และตติยฌานโดยปัญจกนัย คือ
ปริตตาภาภูมิ ๑
อัปปมาณาภาภูมิ ๑
อาภัสสราภูมิ ๑
ตติยฌานภูมิ มี ๓ ภูมิ เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุตติยฌานโดยจตุกกนัย หรือจตุตถฌานโดยปัญจกนัย คือ
ปริตตสุภาภูมิ ๑
อัปปมาณสุภาภูมิ ๑
สุภกิณหาภูมิ ๑
จตุตถฌานภูมิ มี ๗ ภูมิ คือ
เวหัปผลาภูมิ ๑ เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุจตุตถฌาน โดยจตุกกนัย หรือ ปัญจมฌานโดยปัญจกนัย
อสัญญสัตตาภูมิ ๑ เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุปัญจมฌานที่มีแต่รูปปฏิสนธิ ไม่มีจิตเจตสิกเกิดเลย
อวิหาภูมิ ๑
อตัปปาภูมิ ๑
สุทัสสาภูมิ ๑
สุทัสสีภูมิ ๑
อกนิฏฐาภูมิ ๑
สุทธาวาส ๕ ภูมิ เป็นที่เกิดของพระอนาคามีบุคคลผู้ได้ จตุตถฌานโดยจตุกกนัย หรือ ปัญจมฌานโดยปัญจกนัย
อรูปพรหมภูมิ มี ๔ ภูมิ เป็นภูมิที่เกิดของผู้ที่บรรลุอรูปฌาน (ปัญจมฌานที่เพิกรูปแล้วมีอรูปเป็นอารมณ์) ตามลำดับขั้น คือ
อากาสานัญจายตนภูมิ ๑
วิญญาณัญจายตนภูมิ ๑
อากิญจัญญายตนภูมิ ๑
เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ ๑
ในอรูปพรหม ๔ ภูมินี้ มีแต่นามขันธ์ คือ จิตและเจตสิก ไม่มีรูปใดๆ เกิดเลย
ในอังคุตตรนิกาย ติกนิบาต จุฬนีสูตร พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงเรื่องของโลกและจักรวาลไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โดยละเอียดอย่างที่บางท่านสงสัยใคร่รู้ แต่ก็แสดงให้เห็นพระปัญญาบารมีของพระผู้มีพระภาคผู้ทรงเป็นโลกวิทู คือ ผู้ทรงรู้แจ้งโลกทั้งสิ้น
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จัดพิมพ์เผยแพร่ โดย คณะกรรมการ ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา ครบ ๗๕ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕
ขอเชิญอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ ...
ปรมัตถธรรมสังเขป
ขอเชิญอ่านตอนต่อไป ...
ความจริงแห่งชีวิต
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ คุณแม่ และสรรพสัตว์
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ