พลตรี ดร.วีระ ถ้าต้องพูดก็พูดตรงนี้ แต่ไม่ใช่พูดเพื่อประชาสัมพันธ์ตัวเอง และไม่ใช่พูดประชาสัมพันธ์ความดีว่าคืออะไร แล้วให้ทุกคนไปทำความดี ทุกคนไปทำความดีเองไม่ได้เลย ถ้าไม่มีความเข้าใจว่า ความดีหรือการศึกษาพระธรรมคืออะไร
อันนี้ก็คือสิ่งที่ผมกราบพระพุทธองค์ เพราะเห็นว่าพระพุทธองค์และพระพุทธศาสนา มี และมีคำสอนจริงๆ ที่ยังคงอยู่เป็นพระพุทธเจ้าอยู่(พระธรรมคำสอนคือพระสรีระของพระองค์) แล้วเรากราบ ตอนนี้ถึงเข้าใจว่า การกราบ ไม่ใช่กราบเพราะขอ อยากจะให้งานนั้นสำเร็จ เมื่อก่อนนี้เป็นอย่างนี้ กราบเพราะขอ พอไปถึง สวดมนต์ สวดมนต์เพื่ออะไร? สวดมนต์เพื่อจะให้พระพุทธเจ้าเห็นหรือ? แย่มากเลย โง่มาก ก็มาคิดได้ตอนหลัง
เพราะฉะนั้น ตรงนี้คือสิ่งสำคัญที่อยากจะกราบเรียนความก้าวหน้าในการทำงานที่อินเดียขณะนี้ คือ ความก้าวหน้าในนี้...ในใจนี้แหละ
ท่านอาจารย์ ความก้าวหน้าของผู้ทำ ที่ได้มีความเข้าใจความจริงเพิ่มขึ้น เพราะมิฉะนั้นแล้ว ก็คงจะเป็นทุกข์มากกว่านี้อีกหลายเท่า
ต่อไปนี้ก็จะมีภาพพระวิหารเชตวัน ใครเป็นผู้สร้าง? ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เดี๋ยวนี้ท่านอยู่ที่ไหน ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ อยู่บนสวรรค์ แน่นอนที่สุด พระอริยสาวก และสิ่งที่ท่านสร้างมาแล้วทั้งหมดยังอยู่ แต่พระธรรมมีไหม? ที่พระวิหารเชตวัน
เพราะฉะนั้น ถ้ามีผู้ที่ได้เข้าใจพระธรรม กราบไหว้พระวิหารเชตวัน ด้วยการเห็นคุณอย่างยิ่ง ท่านจะไม่รู้หรือ? ท่านสร้างมา แล้วท่านก็ลืมไปเลยหรือ? ว่าท่านสร้างพระวิหารเชตวัน เป็นไปไม่ได้เลย เป็นสิ่งซึ่งในชีวิตของท่าน ท่านทำสิ่งที่เป็นประโยชน์มาก พระพุทธองค์ประทับนานเท่าไหร่ พระธรรมที่ตรัสไว้ มากมายเท่าไหร่
เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้น อยู่ในสายตาของผู้ที่ยังคงเห็นประโยชน์ของพระธรรม กิจกรรมใดๆ ก็ตาม ที่จะทำให้พระศาสนาเจริญ โดยเฉพาะถิ่นที่มีการบูชาด้วยแสงประทีป แต่ไม่มีแสงพระธรรม ก็ได้เริ่มที่จะรู้ว่า เดี๋ยวนี้ ที่ๆ ท่านสร้างไว้ ซึ่งเป็นครั้งหนึ่งที่ทำให้มีผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจธรรมมากมาย ได้กลับเป็นที่ๆ ได้มีผู้ที่ไปนมัสการที่นั่น ด้วยความเข้าใจเพิ่มขึ้น ก็คงจะยังความปลาบปลื้มให้พุทธบริษัททั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ในโลกไหน
สิ่งที่พระองค์ได้ตรัสแล้ว เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ถ้าไม่ได้ดำรงรักษาไว้ จะเป็นประโยชน์กับใคร เพราะว่า ที่เราคิดว่าเรากำลังทำประโยชน์มากนี้ พระองค์ทำมากยิ่งกว่านี้ เท่าไหร่ กว่าที่จะรู้ความจริง ไม่ใช่เพียงแค่อย่างที่เราทำในแต่ละชาติ ว่าเราเหนื่อย เราทำอย่างโน้นมา เราทำอย่างนี้มา ไม่พอกับที่พระองค์ได้ทำเพื่อเรามาแล้วมากมาย ระดับสี่อสงไขยแสนกัปที่จะได้รู้ความจริง ซึ่งพระองค์ตรัส เมื่อได้ตรัสรู้แล้วว่า ยากที่จะรู้ได้
เพราะฉะนั้น ทุกคำ ประมาทไม่ได้เลย เดี๋ยวนี้อะไรยาก? ถ้าตอบไม่ถูก รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า? เพราะพระองค์ตรัสว่า ธรรมะ-สิ่งที่มีจริง ยากที่จะรู้ได้ ถ้าใครไม่เห็นความยากของธรรมะ ไม่ชื่อว่ารู้จักและเข้าใจคำของพระองค์
เพราะฉะนั้น ที่เราทำนี้ ไม่ยากเท่า เพราะเหตุว่า เราได้รับความรู้มาจากผู้ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี เพื่อให้เราได้รู้ ภาระของเราก็คือว่า มอบความรู้ความเข้าใจ ที่เราได้รู้นี้ ให้พระธรรมดำรงอยู่ต่อไป จากที่พระองค์ได้ทรงมอบให้เรา เพื่อที่จะมอบให้คนอื่นต่อไป มิฉะนั้น คำสอนของพระองค์ ก็ไม่ดำรงมาจนถึงปัจจุบัน
ขอเชิญติดตามการสนทนาฉบับเต็มได้ที่ลิงค์ด้านล่าง :
และ ขอเชิญชมคลิปเก่า เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๕ ที่มีผู้ส่งมาให้ท่านอาจารย์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งเดิมเป็นภาพยนตร์สั้นๆ ที่ท่านอาจารย์กล่าวว่า ได้รับการขอจาก คุณระบิล บุนนาค (ร.บุนนาค) ขอให้ท่านให้เสียงบรรยายในภาพยนตร์สั้นนี้ ที่ท่านผู้ขอ ได้เดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ที่ประเทศอินเดีย
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ