ทำไมอายุมนุษย์สมัยก่อนๆ จึงมากกว่าอายุมนุษย์ปัจจุบันเฉลี่ยเพียง 75 ปี
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรม มีเหตุผล และ ตอบคำถามได้ทุกอย่าง แม้แต่อายุขัยของมนุษย์ ที่เพิ่มขึ้น หรือ ลดลงก็เพราะ มีเหตุปัจจัย ทั้งสิ้น ซึ่ง พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ว่า การที่ มนุษย์จะมีอายุยืน หรือ สั้น ก็เพราะ คุณธรรมของสัตว์โลกในสมัยนั้น ในสมัย พุทธกาล อายุขัยของมนุษย์ อายุ 100 ปี แต่ปัจจุบัน ลดลงเหลือ 75 ปี ด้วยเพราะ เหตุที่ว่ามนุษย์มีกิเลสเพิ่มมากขึ้นและ เป็นผู้ไม่ประพฤติธรรม ไม่รักษาศีล 5 คุณธรรม เสื่อมลง อายุขัยก็เสื่อมลง ซึ่ง ในยุคนี้ เป็นช่วงที่คุณธรรมของมนุษย์จะเสื่อมลง เรื่อยๆ ซึ่งอาจสงสัยว่า ในเมื่อคุณธรรมเสื่อมลง จะเกี่ยวข้องอะไรกับอายุขัยของ มนุษย์ ซึ่งในความเป็นจริง ทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกัน หากว่า มนุษย์มากไปด้วย ความ เสื่อมในคุณธรรม เทวดา ผู้ดูแลบนสวรรค์ ก็เห็นด้วย และ ยินดี ตามมนุษย์ที่เสื่อม คุณธรรม เทวดาที่รักษาดินฟ้า อากาศ ก็ไม่ทำตามหน้าที่สมควร ดิน ฟ้าอากาศ ฝน ก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้า ก็ไม่ดี มนุษย์ก็ทานอาหาร ทานข้าว พืชต่างๆ ที่ ไม่ดี ทำให้ อายุขัยสั้นลง เพราะ อาหารด้วย และ ก็เป็นโรคง่ายขึ้นด้วย ทำให้อายุขัย ก็สั้นลง นี่คือความเกี่ยวเนื่องกัน ของ คุณธรรมของสัตว์โลก เพราฉะนั้น ทุกๆ 100 ปี อายุขัยของมนุษย์ก็ลดลง 1 ปี ในสมัยพุทธกาล อายุขัย 100 ปี มาปัจจุบัน ผ่านไป 2500 ปี ทำให้อายุขัย ลดลง 25 ปี เหลือ 75 ปี ครับ เพราะ ความที่มนุษย์มีคุณธรรม เสื่อมลง และ มีกิเลสมากขึ้น ครับ
ส่วน เมื่อถึงมนุษย์อายุขัย 10 ปี มนุษย์ก็จะฆ่ากันเอง เพราะ ไม่มีคุณธรรมเลย ไม่รักษาศีล 5 จนเหลือผู้รอดชีวิตไม่กี่คน ก็หันมาสามัคคี และ เรื่มกลับมารักษาศีล 5 อีกครั้ง อายุขัยของมนุษย์ก็เริ่มเพิ่มขึ้น ตามคุณธรรมที่เพิ่มขึ้น จนถึง มนุษย์ที่มี อายุขัย อสงไขยปี คือ นับปีไม่ได้ เพราะ มีคุณธรรมากนั่นเอง ครับ
อย่างไรก็ดี ไม่ว่ามนุษย์จะมีอายุขัยมาก หรือ น้อยอย่างไรก็ตาม หากแต่ว่า เป็น ผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างประมาท ไม่ศึกษาธรรม อบรมปัญญา และเจริญกุศล ชีวิตแม้มาก อย่างไรก็เหมือนกับ ชีวิตที่ไร้ประโยชน์ เหมือนบุคคลที่ตายแล้ว เพราะ ไม่เจริญ กุศล อบรมปัญญา เพราะฉะนั้น ควรเห็นเวลาที่มีค่าที่เหลือน้อย โดยเฉพาะ ช่วงเวลาที่ได้พบพระพุทธศาสนา ควรที่จะศึกษาพระธรรม อบรมปัญญา อันเป็น ไปเพื่อละกิเลส และ ละความไม่รู้ เพื่อพ้นจากความทุกข์ คือ การเกิดร่ำไป ครับ
[เล่มที่ 15] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 117
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น สัตว์เหล่านั้นจักมีความคิดอย่างนี้ว่า พวกเราเจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง เพราะเหตุที่สมาทานกุศลธรรม อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรทำกุศลยิ่งๆ ขึ้นไปควรทำกุศลอะไร พวกเราควรงดเว้น จากอทินนาทาน ควรงดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร ควรงดเว้นจากมุสาวาท ควรงด เว้นจากปิสุณวาจา ควรงดเว้นจากผรุสวาจา ควรงดเว้นจากสัมผัปปลาปะ ควรละ อภิชฌา ควรละพยาบาท ควรละมิจฉาทิฏฐิ ควรละธรรม ๓ ประการ คือ อธรรม ราคะ วิสมโลภ มิจฉาธรรม อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรปฏิบัติชอบในมารดา ควรปฏิบัติชอบในบิดา ควรปฏิบัติชอบในสมณะ ควรปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล ควรสมาทานกุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ. เขาเหล่านั้น จักปฏิบัติชอบในมารดาปฏิบัติชอบในบิดา ปฏิบัติชอบในสมณะ ปฏิบัติ ชอบในพราหมณ์ ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล จักสมาทานกุศลธรรมนี้ แล้ว ประพฤติ เพราะเหตุที่สมาทานกุศลธรรมเหล่านั้น เขาเหล่านั้นจักเจริญด้วย อายุบ้าง จักเจริญด้วยวรรณะบ้าง เมื่อเขาเหล่านั้นเจริญด้วยอายุบ้างเจริญด้วยวรรณะ บ้าง บุตรของคนผู้มีอายุ ๒๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๔๐ ปี. บุตรของคนผู้มีอายุ ๔๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๘๐ ปี. บุตรของคนผู้มีอายุ ๘๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๑๖๐ ปี. ... ... ... ... บุตรของคนผู้มีอายุสองหมื่นปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึงสี่หมื่นปี. บุตรของคนผู้มีอายุสี่หมื่นปีจักมีอายุขึ้นถึงแปดหมื่นปี.
ว่าด้วยการงดเว้นอกุศลกรรมบถ ๑๐ อายุยืน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปีเด็กหญิงมีอายุ ๕๐๐ ปี จึง จักสมควรมีสามีได้. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี จักเกิดมี อาพาธ ๓ อย่าง คือ ความอยากกิน ๑ ความไม่อยากกิน ๑ ความแก่ ๑ ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี ชมพูทวีปนี้ จักมั่งคั่งและรุ่งเรือง มีบ้าน นิคมและราชธานีพอชั่วไก่บินตก. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี ชมพูทวีปนี้ประหนึ่งว่าอเวจีนรก จักยัดเยียดไปด้วยผู้คนทั้งหลาย เปรียบเหมือนป่า ไม้อ้อ หรือป่าไม้แก่น ฉะนั้น.
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ
เหตุแห่งการเสื่อมถอยของอายุ
อายุของมนุษย์ [จักกวัตติสูตร]
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แต่ละคน เป็นแต่ละหนึ่งจริงๆ สิ่งที่ควรจะพิจารณาสำหรับผู้ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว คือ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า การเกิดเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่ได้แสนยาก เพราะจะต้องได้ด้วยผลของกุศล ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นผลของกุศลประเภทใด ขึ้นอยู่กับว่ากุศลประเภทใดจะให้ผล [ซึ่งต้องไม่ใช่ผลของฌานขั้นต่างๆ อย่างแน่นอน เพราะผลของฌานขั้นต่างๆ ทำให้เกิดในพรหมโลก ตามระดับขั้นของฌาน] ถ้าเทียบกันระหว่างสุคติภูมิ กับ อบายภูมิแล้ว การไปเกิดในอบายภูมิ ไปได้ง่ายกว่าสุคติภูมิจริงๆ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเปรียบเทียบไว้ด้วยข้ออุปมาฝุ่นที่ปลายพระนขา (เล็บ) ที่พระองค์ทรงช้อนขึ้นมา กับ ผืนแผ่นดิน ว่า ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ มีเป็นส่วนน้อยเหมือนกับฝุ่นที่อยู่ปลายพระนขาของพระองค์ ส่วน ผู้ที่ไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ มีมาก เหมือนกับผืนแผ่นดิน ซึ่งควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็จะเป็นผู้ไม่รู้ต่อไป ไม่คุ้มค่าเลยกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งได้ยากแสนยากแต่ไม่ได้สะสมปัญญา ก็จะทำให้ตายไปพร้อมกับความไม่รู้ และจะไม่รู้อีกต่อไปนานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ ยากที่จะพ้นไปได้ การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ สะสมความเข้าใจที่ถูกต้องไปตามลำดับ ได้สะสมความดี และ สะสมปัญญา ย่อมเป็นชีวิตที่คุ้มค่า คุ้มค่าแล้วกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีอวัยวะครบถ้วน[พร้อมที่จะรองรับพระธรรม] และได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังพระธรรมซึ่งหาฟังได้ยากเป็นอย่างยิ่งจากบุคคลผู้มีปัญญา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ควรที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้สภาพธรรม คือ นามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ต่อไป เวลาของแต่ละบุคคล เหลือน้อยเต็มทีแล้ว ถ้าไม่เริ่มฟัง ไม่เริ่มศึกษาตั้งแต่ในขณะนี้ การที่จะฟัง การที่จะศึกษาในขณะต่อๆ ไป ก็จะมีไม่ได้, เริ่มต้นตั้งแต่ในขณะนี้ เป็นการดีอย่างยิ่ง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
คนสมัยก่อนรักษาศีล มีบุญ จึงอายุยืน ส่วนคนสมัยนี้ไม่รักษาศีล ไม่ค่อยฟังธรรม จึงอายุสั้น ค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาบุญค่ะ