-ทำจิตให้ว่างคืออะไรครับ?
-จิตว่างจากอะไร?
-ถ้าจิตว่างจะว่างนานไหม?
-บุคคลนั้นจะมีความรู้สึกอย่างไร?
-ทำอย่างไรจึงจะทำให้จิตว่างได้?
-จิตว่างแล้วจะกลับมาเป็นอย่างไร?
-ใครสามารถทำให้จิตว่างได้?
-จิตว่างถือว่าเป็นพระอริยะได้ไหม?
ขออนุโมทนาบุญครับอาจารย์.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จิตเป็นสภาพธรรมที่มีจริง จิตเป็นสภาพรู้ ดังนั้นเมื่อจิตเกิดขึ้น ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ เรียกว่าอารมณ์ ดังนั้น จิตจึงไม่มีว่าง คือ ไม่มีว่างจากอารมณ์ จิตเมื่อใดเกิดขึ้น ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ เรียกว่าอารมณ์เสมอ ครับ เช่น จิตเห็น เมื่อเกิดขึ้น ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกเห็น คือ สี ดังนั้นจิตจึงไม่ว่างจากอารมณ์เลย แต่ความหมายของ คำว่า ว่าง จริงๆ หมายถึง การว่างจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน หรือ สูญจากการมีสัตว์ บุคคล ตัวตน เพราะมีแต่ธรรม ไม่มีเราไม่มีสัตว์ บุคคลเลย ครับ ดังนั้น คำว่าว่าง จึงไม่ใช่จิตว่าง ครับ จิตมีอารมณ์ ไม่มีว่างจากอารมณ์ แต่สภาพธรรม มี จิต เจตสิก รูป ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ รวมทั้งนิพพาน ว่างจากการมีสัตว์ บุคคล ตัวตน ครับจึงกลับมาที่คำถามในแต่ละข้อ ครับ
-ทำจิตให้ว่างคืออะไร ไม่มีใครทำจิตให้ว่าง เพราะยังมีอารมณ์เสมอ แต่การทำจิตให้ว่างได้ แต่ ในความเป็นจริง ธรรมทั้งหลายว่างจาก การมีสัตว์ บุคคล ดังนั้น จึงไม่ควรใช้คำว่า ทำจิตให้ว่าง แต่ควรกล่าวว่า ควรอบรมปัญญา เพื่อรู้ความจริงว่า ทั้ง จิต เจตสิก รูป ว่างจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เป็นอนัตตา ครับ
-จิตว่างจากอะไร จิต ว่างจาก ความมีสัตว์ บุคคล มีเรา เพราะจิตเป็นธรรม ไม่ใช่เพียงแต่จิตเท่านั้น เจตสิกก็ว่าง รูปก็ว่าง นิพพานก็ว่าง ว่างจากการมีสัตว์ บุคคลเข้าไปอยู่ หรือ ควรยึดถือว่ามีสัตว์ บุคคล ครับ
-ถ้าจิตว่างจะว่างนานไหม จิตไม่ว่างเลย เพราะเมื่อจิตเกิดจะต้องมีอารมณ์ คือ สิ่งที่ถูกจิตรู้เสมอ แต่จิตว่างจากความเป็นสัตว์ บุคคล เสมอ ไม่ว่ากาล เวลาไหน นานเท่าไหร่ จิตก็ว่าง เมื่อจิตเกิดขึ้น ครับ
-บุคคลนั้นจะมีความรู้สึกอย่างไร ตามที่กล่าวแล้ว จิตไม่ได้ว่างจากอารมณ์ ขณะนั้นก็แล้วแต่ว่าจิตมีอารมณ์ใด ก็เป็นไปตามอารมณ์นั้น เช่น จิตเห็นเมื่อเกิดขึ้น ก็เห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา หรือ เห็นสี ขณะนั้นกำลังรู้สี และ อีกนัยหนึ่ง ผู้ที่รู้ความจริงว่าเป็นอนัตตา ไม่มีเรา ว่างจากความเป็นสัตว์ บุคคล ขณะนั้น ไม่ใช่รู้สึกที่เป็นเวทนา แต่เป็นปัญญา ความรู้ตามความเป็นจริงอันเกิดจากการเจริญอริยมรรรค
-ทำอย่างไรจึงจะทำให้จิตว่างได้ ไม่มีใคร และ ไม่มีตัวเราที่ทำให้จิตให้ว่าง เพราะความจริงว่างจากตัวเรา แต่การจะทำให้จิตว่างเป็นไปไม่ได้ เพราะจิตไม่ว่างเลยตามที่กล่าวมา แต่สามารถทำให้เห็นถูก และ รู้ว่า ความจริงที่เกิดขึ้น ว่างจากการมีสัตว์ บุคคล มีแต่ธรรม ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระพุทธ เจ้าทรงแสดง และ อบรมปัญญาไปเรื่อยๆ ย่อมถึงความเป็นพระโสดาบัน ดับความเห็นผิดว่ามีสัตว์ บุคคล ประจักษ์ความว่างจากการมีเรา มีสัตว์ บุคคล มีแต่ธรรมจริงๆ ครับ
-จิตว่างแล้วจะกลับมาเป็นอย่างไร จิตเกิดขึ้นและดับไป ไม่กลับมาอีกเลย ใหม่อยู่เสมอ และ จิตก็ไม่ว่างจากอารมณ์ ครับ
-ใครสามารถทำให้จิตว่างได้ ไม่มีใครที่สามารถที่จะทำให้จิตว่างจากอารมณ์ได้ แม้แต่พระพุทธเจ้า แต่สามารถเข้าใจจิตว่าว่างจากความเป็นสัตว์ บุคคลได้ ด้วยการเจริญอบรมปัญญา ครับ
-จิตว่างถือว่าเป็นพระอริยะได้ไหม จิตไม่มีทางว่าง แต่การมีความเห็นถูกว่า จิต ว่างจากความเป็นสัตว์บุคคลมีได้ ซึ่งความรู้เช่นนี้มีหลายระดับ แม้ขั้นการฟังก็พอเข้าใจได้ แม้ยังเป็นปุถุชนอยู่ แต่ผู้ที่รู้จริง ไม่เกิดความเห็นผิดอีกเลยว่ามีสัตว์ บุคคล ประจักษ์ความว่างของสภาพธรรมที่ว่างจากความมีตัวตน คือ พระโสดาบัน เป็นพระอริยเจ้า ครับ
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ
สิ่งที่เรียกว่าโลกว่างเปล่า [สุญญสูตร]
จิตว่าง
ความว่าง
ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เป็นการศึกษาธรรมทีละคำจริงๆ เมื่อกล่าวถึงคำอะไรก็ต้องมีความเข้าใจให้ชัดเจนว่าคืออะไร ต้องมีคำตอบด้วยความเข้าใจในคำที่กล่าวถึงด้วย แม้แต่คำว่า จิต ไม่ใช่คำที่กล่าวลอยๆ แต่มีความหมายถึงสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งสิ่งที่จิตรู้ คือ รู้แจ้งอารมณ์ จิตแม้จะมีความหลากหลายโดยอารมณ์บ้าง โดยธรรมที่เกิดร่วมด้วยบ้าง โดยชาติที่เป็นกุศล อกุศล วิบาก กิริยา บ้าง โดยภูมิที่เป็นระดับขั้นต่างๆ บ้าง ก็มีลักษณะเพียงอย่างเดียวคือรู้แจ้งอารมณ์ ดังนั้น เมื่อมีการกล่าวถึงจิตว่างก็ต้องเข้าใจให้ถูกว่าเป็นอย่างไร
จิตไม่ว่างจากอารมณ์แน่ ทุกขณะที่เกิดขึ้นก็ต้องรู้อารมณ์อย่างหนึ่งอย่างใดตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ แต่ว่างจากความเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล เพราะเป็นแต่เพียงธรรมที่มีจริงที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปเท่านั้น และขณะที่กุศลจิตเกิดขึ้นเป็นไป จิตในขณะนั้นก็ว่างจากอกุศล กล่าวคืออกุศลเกิดขึ้นไม่ได้ เป็นการพักจากอกุศลชั่วขณะที่กุศลเกิดขึ้นเป็นไป ถ้ามีการอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น กิเลสใดๆ ที่ดับได้แล้ว กิเลสประเภทนั้นๆ ก็ไม่เกิดขึ้นอีกในสังสารวัฏฏ์ เป็นการว่างจากกิเลสนั้นๆ ได้โดยเด็ดขาด
สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ จิตเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมีอยู่ทุกขณะ ไม่เคยขาดจิตเลย แต่ก็ไม่รู้ถ้ายังไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจว่าเป็นธรรมที่มีจริง ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น จึงมีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ตามความเป็นจริง ก็คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอันเป็นคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบคุณอาจารย์ครับ.
-เข้าใจดังนี้ครับจิตว่างจากกิเลสทั้งปวง ว่างจากสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา แต่จิตก็รับรู้อารมณ์อยู่ตลอดเวลาถ้าเราไม่ตายเสียก่อน แต่เป็นการรับรู้ด้วยสติปัญญาอันบริสุทธิ์ตามเหตุตามปัจจัยของธรรมที่ปรากฎใช่ไหมครับ
อนุโมทนาบุญครับ.
เรียนความเห็นที่ 4 ครับ
ถูกต้องครับ ขออนุโมทนาในความเห็นถูก
ขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
จิตไม่ว่างเพราะจิตเกิดดับสืบต่อกันอยู่ตลอดเวลา ยกเว้นจุติของพระอรหันต์ที่ไม่เกิดอีกค่ะ
จิตว่างก็เป็นสมมติ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ