[เล่มที่ 74] พระสุตตันต ปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 154
ในบารมี ๓๐ ทัศนั้น อัตภาพของพระโพธิสัตว์ที่ทรงบำเพ็ญทานบารมีก็นับไม่ถ้วน ในสสบัณฑิตชาดก ทานบารมี ของ พระโพธิสัตว์นั้น ผู้ทำการเสียสละชีวิตเป็นปรหิตประโยชน์อย่างนี้ ว่า ภิกฺขาย อุปคตํ ทิสฺวา สกตฺตานํ ปริจฺจชึ ทาเนน เม สโม นตฺถิ เอสา เม ทานปารมี. เราเห็นภิกษุเข้าไปหาอาหาร ก็เสียสละตัวเอง ผู้เสมอเราด้วยทานไม่มี นี่เป็น ทานบารมี ของเรา ชื่อ ว่า ปรมัตถบารมี โดยส่วนเดียว
อัตภาพของพระโพธิสัตว์ที่ทรงบำเพ็ญ ศีลบารมี ก็นับไม่ถ้วนเหมือนกันในสังขปาลชาดก ศีลบารมีของพระโพธิสัตว์นั้น ผู้ทำการเสียสละตัวอย่างนี้ว่า สูเลหิ วินิวิชฺฌนฺเต โกฏฺฏยนฺเตปิ สตฺติภิ โภชปุตฺเต น กุปฺปามิ เอสา เม สีลปารมี ถึงบุตรนายบ้าน แทงด้วยหลาว ตอกด้วยหอก เราก็ไม่โกรธ นี่เป็น ศีลบารมี ของเรา ชื่อว่า ปรมัตถบารมี โดยส่วนเดียวเหมือนกัน.
อัตภาพของพระโพธิสัตว์ ที่ทรงสละราชสมบัติใหญ่บำเพ็ญเนกขัมมบารมี ก็นับไม่ถ้วนเหมือนกัน ในจุลสุตโสมชาดก เนกขัมมบารมี ของพระโพธิสัตว์นั้น ผู้สละราชสมบัติ เพราะไม่มีความประสงค์แล้ว ออกทรงผนวชอย่างนี้ ว่า มหารชฺชํ หตฺถคตํ เขฬปิณฺฑํว ฉฑฺฑยึ จชโต น โหติ ลคฺคนํ เอสา เม เนกฺขมฺมปารมี. เราสละราชสมบัติใหญ่ ที่อยู่ในเงื้อมมือเหมือน ก้อนเขฬะ เราผู้สละโดยไม่ติดข้องเลย นี่เป็นเนกขัมมบารมี ของเรา ชื่อ ว่า ปรมัตถบารมี โดยส่วนเดียว
อัตภาพของพระโพธิสัตว์ ที่ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมี ในครั้งเป็นมโหสธบัณฑิตเป็นต้นก็นับไม่ถ้วนเหมือนกัน ครั้งเป็นสัตตุภัตตกบัณฑิตปัญญาบารมีของพระโพธิสัตว์นั้น ผู้แสดงงูที่อยู่ในถุงหนังว่า ปญฺญาย วิจินนฺโตหํ พฺราหฺมณํ โมจยี ทุกฺขา ปญฺญาย เม สโม นฺตฺถิ เอสา เม ปญฺญาปารมี เราเมื่อพิจารณาเฟ้นด้วยปัญญา ก็เปลื้องทุกข์ ของพราหมณ์ได้ ผู้เสมอเราด้วยปัญญาไม่มี นี่เป็น ปัญญาบารมี ของเรา ชื่อ ว่า ปรมัตถบารมี โดยส่วนเดียว. อัตภาพของพระโพธิสัตว์ที่ทรงบำเพ็ญวิริยบารมี ก็นับไม่ถ้วนเหมือนกัน.
ในมหาชนกชาดก วิริยบารมีของพระโพธิสัตว์นั้น ผู้ข้ามมหาสมุทรอย่าง นี้ว่า อตีรทสฺสี ชลมชฺเฌ หตา สพฺเพว มานุสา จิตฺตสฺส อญฺญถา นตฺถิ เอสา เม วิริยปารมี. ท่ามกลางทะเลลึกล้ำ มนุษย์ทั้งหมดถูกภัยกำจัด แล้ว จิตก็ไม่เปลี่ยนไป นี่เป็น วิริยบารมี ของเรา. ชื่อว่า ปรมัตถบารมี โดยส่วนเดียว
ในขันติวาทีชาดกก็เหมือนกัน ขันติบารมีของพระโพธิสัตว์ ผู้อดกลั้นทุกข์ใหญ่ ประหนึ่งไม่มีจิตใจ อย่างนี้ว่า อเจตนํว โกฏฺเฏนฺเต ติณฺเหน ผรสฺนา มมํ กาสิราเช น กุปฺปามิ เอสา เม ขนฺติปารมี พระเจ้ากาสี จะทรงใช้ขวานคมกริบ ฟาดฟัน เราผู้ประหนึ่งไม่มีจิตใจ เราก็ไม่โกรธ นี่เป็นขันติบารมี ของเรา ชื่อว่า ปรมัตถบารมี
ในมหาสุตโสมชาดกก็เหมือนกัน สัจบารมีของ พระโพธิสัตว์ ผู้สละชีวิตรักษาสัจ อย่างนี้ว่า สจฺจวาจํนุรกฺขนฺโต จชิตฺวา มม ชีวิตํ โมเจสึ เอกสตํ ขตฺติเย เอสา เม สจฺจปารมี เราเมื่อตามรักษาสัจวาจา ก็ยอมสละชีวิตของ เราเปลื้องทุกข์กษัตริย์ได้ ๑๐๑ พระองค์ นี่เป็นสัจบารมี ของเรา ชื่อว่า ปรมัตถบารมี
ในมูคปักขชาดกก็เหมือนกัน อธิษฐานบารมีของพระโพธิสัตว์ ผู้ยอมสละชีวิต อธิษฐานวัตร อย่างนี้ว่า มาตา ปิตา น เม เทสฺสา อตฺตา เม น จ เทสฺสิโย สพฺพญฺญุตํ ปิยํ มยฺหํ ตสฺมา วตํ อธิฏฺ€หึ. มารดาบิดาไม่เป็นที่เกลียดชังของเรา ตัวก็ไม่ เป็นที่เกลียดชังของเรา พระสัพพัญญุตญาณเป็นที่รัก ของเรา เพราะฉะนั้นเราจึงอธิษฐานวัตร ชื่อว่า ปรมัตถบารมี
ในสุวรรณสามชาดก ก็เหมือนกัน เมตตาบารมีของพระโพธิสัตว์ผู้ไม่อาลัยแม้แต่ ชีวิต ประพฤติเมตตา อย่างนี้ว่า น มํ โกจิ อุตฺตสติ นปิ ภายามิ กสฺสจิ เมตฺตาพเลนุปตฺถทฺโธ รมามิ ปวเน ตทา ใครๆ ทำเราให้หวาดสะดุ้งไม่ได้ แม้เราก็ไม่ กลัวต่อใครๆ เราอันกำลังเมตตาอุดหนุนแล้วจึงยินดี อยู่ในป่าใหญ่ ในครั้งนั้น ชื่อว่า ปรมัตถบารมี
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น