ฟังอย่างอื่นยังฟังได้ แล้วทำไมจะฟังพระธรรมไม่ได้
โดย khampan.a  26 เม.ย. 2561
หัวข้อหมายเลข 29693

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ประมวลสาระสำคัญ
จากการสนทนาธรรม
ที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
อาคารจุฬาภรณ์พิศาลศิลป์ ชั้นที่ ๒
วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๑

-------------------------






~ เวลามีค่าทุกขณะ ที่เรามาในวันนี้ ก็เพื่อสนทนาธรรม ถ้าใครได้ยินได้ฟังเรื่องมงคล ๓๘ ประการ ก็จะรู้ว่าการสนทนาธรรม เป็นมงคล เพราะเหตุว่าจะทำให้มีความเข้าใจสิ่งซึ่งยากลึกซึ้ง เพราะเหตุว่า แม้สิ่งที่มีจริงกำลังมีอยู่ในขณะนี้ ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีทางที่จะรู้เลย ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงมีพระธรรม เป็นที่พึ่ง

~ ทุกคนในสากลจักรวาล รวมทั้งในพรหมโลก ก็กราบไหว้บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงถึงความเป็นบุคคลที่ไม่มีบุคคลใดเปรียบ และก็ไม่ได้มีบ่อยๆ นานแสนนานจึงจะมีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้เลิศ

~ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรม เพราะธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง

~ วัด ไม่ใช่บ้าน ใครอยู่บ้าน ใครอยู่วัด นี่ก็ต่างกันแล้ว เพราะฉะนั้น คนที่อยู่บ้านก็มีชีวิตอย่างคฤหัสถ์ธรรมดาที่เราเรียกว่าชาวบ้าน ชาวเรือน แต่เราจะไปอยู่วัดไม่ได้ เพราะวัดเป็นที่อยู่ของผู้ที่ขัดเกลากิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ยิ่งกว่าคฤหัสถ์

~ การที่ได้ฟังธรรม เข้าใจ เริ่มรู้ว่ามีกิเลสมาก และเมื่อเข้าใจธรรม ก็สามารถจะค่อยๆ ได้ละคลายความไม่รู้ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดกิเลส เพราะว่าความไม่ดีทั้งหมด มาจากความไม่รู้ความจริง

~ ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือใครก็ตามที่มีความสามารถในอดีตจนถึงปัจจุบันและในอนาคต ไม่สามารถเปรียบได้กับพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะทรงตรัสรู้สิ่งซึ่งขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ใดๆ ก็ไม่ได้กล่าวถึงสภาพธรรมที่มีจริงซึ่งมีปัจจัยทำให้เกิดขึ้น ละเอียดมากเกิดขึ้นเพียงปรากฏเล็กน้อยนิดเดียวดับไปแล้วไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์

~ บางคนไม่เคยได้ฟังธรรมเลย แต่บอกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธ แต่ลืมว่า พูดคำที่ไม่รู้จักอีกแล้วเพราะเหตุว่า พุทธะคือผู้รู้ ถ้าเป็นชาวพุทธก็คือผู้รู้ ผู้เข้าใจสิ่งที่มีจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนได้เลย

~ ผู้ใหญ่อยากให้ลูกหลานไปวัด แต่ไปวัดแล้วได้อะไร ไปวัดแล้วเข้าใจธรรมหรือเปล่า? หรือว่าไปวัดแล้วก็เจอแต่ตลาดนัดขายของหรือว่ามีอะไรหลายๆ อย่างซึ่งไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นต้องรู้ว่า วัด คือ อาราม หมายความถึงที่รื่นรมย์ด้วยความเข้าใจถูกต้องที่สงบจากกิเลส เพราะฉะนั้น วัดต้องเป็นสถานที่สงบ ไม่ใช่วัดมีการขายสินค้าต่างๆ อย่างที่เห็นกันอยู่ เพราะว่าถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ไม่มีสภาพของความเป็นวัด ความเป็นอาราม (ซึ่งเป็นที่รื่นรมย์ด้วยความเข้าใจ) ไม่มีเลย

~ คฤหัสถ์ พูดเล่นหัวเราะสนุกสนาน แต่ผู้สงบ ทำอย่างนั้นไม่ได้

~ คนเราเกิดมา แสนสั้น ไม่มีใครรู้ว่าจะจากโลกนี้ไปวันไหน ที่ไหน ด้วยอาการอย่างไร แต่ก่อนจากไป เป็นคนดีหรือเปล่า? สามารถที่จะดีกว่านี้ได้ไหม? เพราะเหตุว่าเป็นมนุษย์มีโอกาสที่จะได้ยินได้ฟังพระธรรมได้คิดได้ไตร่ตรอง เพราะฉะนั้น ถ้าจะจากโลกนี้ไป ก็ให้สมกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็คือ ได้มีความเข้าใจถูกซึ่งสามารถที่จะได้ยินได้ฟังคำจริงที่ทำให้เข้าใจต่อไป

~ ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก นำพาชีวิตไปสู่ความดีทั้งปวง

~ ไม่มีใครจะไปยับยั้งอะไรได้ เพราะเกิดแล้วเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

~ “ฟังเรื่องอื่นเรายังฟังได้แล้วทำไมคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะฟังไม่ได้หรือไม่ควรฟัง?” คนนั้นก็เริ่มรู้ค่าของเวลาที่มีอยู่ในชีวิตซึ่งจะต้องจากไป ว่า อย่างน้อยจากไปด้วยการได้รู้ความจริง

~ ถ้าภิกษุใดไม่สามารถที่จะดำรงเพศบรรพชิต ก็ลาสิกขาได้ทันที เพียงแต่บอกใครก็ได้ที่รู้ความว่า ผู้นี้จะไม่สามารถที่จะเป็นภิกษุอีกต่อไป

~ ต้องไม่ลืมว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีผู้ใดเปรียบได้ เพราะว่าพระองค์ทรงพระปัญญาสูงสุดที่จะสามารถรู้ความจริงของทุกอย่างที่มีจริง และทรงแสดงพระธรรมเพื่อให้คนอื่นได้เข้าใจถูก เพื่อที่จะขัดเกลากิเลส ด้วยเหตุนี้ พระธรรมคือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงถึงเรื่องของความจริงทั้งหมด เพราะว่า สิ่งที่มีจริงทุกอย่าง เป็นธรรม

~ ถ้าผู้ใดก็ตามไม่เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงบัญญัติเรื่องละเอียดยิ่งในการขัดเกลา กิเลส ผู้นั้นก็คิดที่จะไม่ประพฤติปฏิบัติตาม หรือถึงกับคิดที่จะเปลี่ยนแปลงพระวินัยซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับเป็นการย่ำยีพระพุทธศาสนาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงและทรงบัญญัติด้วยพระองค์เอง

~ ถ้าใครนับถือพ่อแม่ ก็เชื่อฟังพ่อแม่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นพระบิดาของพระภิกษุและพุทธบริษัท เพราะฉะนั้น ทุกข้อที่พระองค์ได้ตรัสไว้ ใครจะไปแก้ได้ในเมื่อบุคคลนั้นไม่ได้มีปัญญาอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะอ้างกาลสมัย ก็ผิด เพราะว่าพระองค์ทรงสามารถที่จะรู้ความจริงในอดีตนับประมาณไม่ได้ ในอนาคตนับประมาณไม่ได้ ทรงรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โดยประการทั้งปวง

~ ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต ถ้าไม่เข้าใจพระธรรมวินัย ก็ช่วยกันทำลายพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ช่วยกันทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้น ความเข้าใจธรรมเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้

~ รักตัวเองที่ถูกต้อง คือ ไม่ทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ให้กับตัวเอง

~ ทำอะไรด้วยความไม่รู้ จะถูกต้องไม่ได้

~ ทุกอย่างที่เพิ่มกิเลส ไม่ใช่วิสัย (ความเป็นไป) ของผู้ที่จะละคลายกิเลส

~ ผ้าสีขาวหรือสีอะไรๆ ก็ตาม ก็เปลี่ยนบุคคล ไม่ได้

~ การศึกษาธรรม เป็นการขัดเกลาความไม่รู้ คนที่ไม่ศึกษาธรรมไม่ฟังธรรม เพราะเขาไม่รู้ว่าคุณค่าสูงสุดในชีวิตทุกชาติ ก็คือ ได้มีความเห็นที่ถูกต้อง

~ เราไม่ได้รักษาศีล เพื่อนับข้อ แต่เรารักษาศีล เพราะเห็นคุณค่าของการที่จะประพฤติปฏิบัติตามแล้วการประพฤติปฏิบัติตาม นั้น ก็ไม่เป็นโทษ ไม่มีการจำกัด แล้วก็ไม่ต้องบอกใครด้วย แต่ว่าถ้าบวช แต่ไม่เข้าใจธรรม ลวงคนอื่นไหม? ลวงคนอื่น, เป็นโทษไหม? เป็นโทษ แล้วจะบวชไหม? ไม่บวช, นี่ก็เป็นคำตอบที่เกิดจากการคิดไตร่ตรอง มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น ว่า (เป็นคฤหัสถ์) ก็ศึกษาธรรมได้ ขัดเกลากิเลสได้ เพราะว่า เพศบรรพชิต เป็นเพศที่ไม่ใช่สำหรับทุกคนที่ไม่ได้สะสมมาแล้วก็จะไปเป็นพระภิกษุ

~ เราจะพึ่งความชั่วไม่ได้แน่ เพราะเหตุไม่ดี นำมาซึ่งผลไม่ดี เราจะพึ่งความไม่รู้ ก็ไม่ได้ เพราะเหตุว่าเพราะไม่รู้ จึงทำให้เราทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ไม่มีใครที่จะมีความรู้ได้เอง ก็ต้องพึ่งพระรัตนตรัย

~ บางคนละเลยทอดทิ้งโอกาสตอนอยู่ในวัยศึกษาทิ้งโอกาสที่จะได้ฟังธรรมไปนานจนกระทั่งล่วงเลยไปหลายสิบปีกลับมาฟังใหม่ น่าเสียดายถ้าไม่ละเลยโอกาสนั้นและก็มีเวลาเมื่อไหร่ก็มาฟัง เพื่อฟังสิ่งซึ่งคนอื่นกล่าวไม่ได้เลยนอกจากพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ซึ่งลึกซึ้งอย่างยิ่ง ถ้าได้ฟังและเริ่มต้นฟังต่อไปอีกสิบปีจะเห็นคุณค่ามากมายที่ไม่ทอดทิ้งหรือละเลยการที่จะได้ฟังพระธรรม



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย มกร  วันที่ 26 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย mammam929  วันที่ 26 เม.ย. 2561

สาธุ ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย peem  วันที่ 26 เม.ย. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย จิตโอภาส  วันที่ 26 เม.ย. 2561

กราบท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย yanong89  วันที่ 26 เม.ย. 2561

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด


ความคิดเห็น 6    โดย panasda  วันที่ 26 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย nok  วันที่ 27 เม.ย. 2561

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 9    โดย thilda  วันที่ 27 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย ประสาน  วันที่ 28 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 11    โดย kullawat  วันที่ 28 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย Napong klakhaeng  วันที่ 2 พ.ค. 2561

กราบอนุโมทนาครับ

การได้มีโอกาสฟังพระธรรมเป็นการได้ลาภอันประเสริฐ ผมได้ลาภนั้นแล้วขอกราบขอบพระคุณครับ