ท่านอาจารย์สุจินต์ได้บรรยายตอบท่านพระภิกษุท่านหนึ่งว่า ควรเริ่มต้นด้วยการเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎในขณะนี้ เพื่อสติจะเกิดขึ้นระลึกได้ตามปกติตามที่เข้าใจแล้ว แต่ถ้ายังไม่เข้าใจเลย แล้วก็จะให้ทำทำไม่ถูกแน่นอนเจ้าค่ะ เรื่องการอบรมเจริญปัญญาไม่ใช่เรื่องตัวตนทำ แต่เป็นเรื่องความเข้าใจซึ่งจะค่อยๆ เจริญขึ้นจนกระทั่งเป็นความรู้ชัด จนสามารถที่จะประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมตามที่ได้เข้าใจแล้วถูกต้อง ไม่คลาดเคลื่อนเจ้าค่ะ
สาธุ
พระพุทธศาสนา สอนให้เข้าใจลักษณะของความเป็นอนัตตา เมื่อเข้าใจลักษณะของสติและปัญญา เมื่อเข้าใจการเจริญสติปัฏฐานเพื่อการรู้แจ้ง ความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมทั้งหลาย ความเป็น "อนัตตา" จึงสำคัญ และลืมไม่ได้ การกระทำทุกอย่างโดย ไม่คำนึงถึง "อนัตตา"จึงไม่ใช่หนทาง คือ มรรคมีองค์ ๘
เมื่อไม่ใช่มรรคมีองค์ ๘ คือ การเจริญสติปัฏฐานก็ไม่มีวันรู้ "ลักษณะ" ของสภาพธรรมตามความเป็นจริงที่ปรากฏให้รู้ได้ ตามปกติ ตามความเป็นจริง ในชีวิตประจำวัน ว่า "ไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตน" นั้น เป็นอย่างไร ถ้ายังไม่ได้ "เริ่มเจริญสติปัฏฐาน"
ความเข้าใจขั้นฟัง พระธรรมเป็นการเริ่มต้น ที่จะเข้าใจ ในพระธรรม ที่ได้ฟังคือ ฟังให้เข้าใจว่า ทุกอย่าง เป็นธรรมะคือ ไม่ว่าจะกล่าวถึงอะไร (แม้ยังไม่ประจักษ์ ความเป็นอนัตตา) แต่ปัญญาขั้นฟัง สามารถเข้าใจจากการฟังได้ ว่า เมื่อไม่ใช่ ธรรมะ แล้ว เป็นอะไร
" ธรรมะ" คือ จิต เจตสิก รูป สติปัฏฐาน ที่ระลึกรู้ ความต่างกันของนามธรรมและรูปธรรม เมื่อ "ขณะที่กำลังปรากฏ" ให้สติระลึกรู้ได้ ปัญญาจะค่อยๆ รู้ได้จากการอบรมเจริญสติปัฏฐานบ่อยๆ เนืองๆ เพื่อรู้ว่า"นามธรรม และ รูปธรรม มี "ลักษณะที่ต่างกัน" อย่างไร และขณะนั้น เป็นการปรุงแต่งของจิต ที่มีเหตุปัจจัยทั้งสิ้นจึงไม่ใช่เรา ไม่ใช่อัตตา ตัวตนที่เจริญสติแต่เป็น "อนัตตา"
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติม....
ควรรู้ว่า...ปัญญาระดับไหน?
และขออนุโมทนาค่ะ
เริ่มต้นด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะที่มีจริง ต้องเป็นปัญญาที่เกิดจากการฟังธรรม และปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้นจนกว่าจะรู้ว่า ไม่มีเราค่ะ
ขอเสริมความเห็นที่ ๔ เริ่มต้นต้องเข้าใจว่าทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนเป็นธรรม แล้วก็เริ่มฟังธรรมในขณะที่ฟังไหม่ๆ ยังเป็นเราอยู่ ๑๐๐% เมื่อฟังมากเข้า เข้าใจมากขึ้น เราก็น้อยลง เราน้อยลงเรื่อยๆ จนรู้ว่าไม่มีเรา ก็เป็น โสดาบัน ครับ
ขณะที่ฟังพระธรรมใหม่ๆ แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้นๆ ขณะนั้นไม่มีเราค่ะ เพราะขณะนั้นจิตเป็นกุศลมีสติขั้นที่เข้าใจพระธรรมเกิดร่วมด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
เรียน เมตตา
ขณะฟังธรรมใหม่ๆ และเข้าใจขณะนั้นเป็นปัญญาไม่มีเรา แล้วเมื่อฟังจบแล้วเป็นเราหรือเปล่าครับ หรือว่ายังไม่มีเราอยู่ ถ้าไม่มีเราได้ก็ขออนุโมทนา ผู้ฟังใหม่ๆ ถึงแม้นจะเข้าใจเป็นปัญญา ก็เป็นเราเข้าใจ สภาพธรรมทีเกิดนั้นไม่มีเราก็จริง แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าไม่มีเรายังคงเป็นเราที่เข้าใจ ต่อเมื่อฟังไปนานๆ เช่นคุณเมตตานี้จึงรู้ว่าไม่มีเรา ครับ
"จะเริ่มต้นปฏิบัติธรรมโดยที่มีเราที่จะทำอะไรก่อน มีเราที่จะทำอะไรหลัง" ย่อมจะทำให้เกิดความเข้าใจพระธรรมผิดพลาดและคลาดเคลื่อนได้ง่ายเพราะมองข้ามความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ "ธรรม" ในขั้นปริยัติ มองข้ามความละเอียดของธรรมไปอย่างน่าเสียดาย เพราะไม่เห็นประโยชน์ว่าควรที่จะได้เริ่มศึกษาให้เข้าใจถูกต้องเสียก่อนว่า "ธรรมคืออะไร" เพราะถ้ารู้จริงๆ เห็นจริงๆ เข้าใจจริงๆ ว่า "ธรรม คือ อะไร"ก็จะช่วยให้เข้าใจยิ่งขึ้น เมื่อศึกษาต่อไปว่า "ปฏิบัติ คือ อะไร"
...ขออนุโมทนาครับ...
เรียน พี่ชุณห์ที่นับถือค่ะ
ขณะที่ฟังพระธรรมใหม่ๆ แล้วเข้าใจ ขณะนั้นไม่มีเราค่ะ และเมื่อฟังจบแล้วขณะจิตต่อไปอะไรจะเกิดก็ไม่มีใครรู้ได้ค่ะว่าจะเป็นกุศลหรือว่าเป็นอกุศล จะมีเราหรือไม่มีเราก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยค่ะ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครได้ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ