โธตกปัญหา ... พระสูตรวันเสาร์ที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๖
โดย มศพ.  18 ส.ค. 2556
หัวข้อหมายเลข 23402

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...


มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

โธตกปัญหาที่ ๕

(ว่าด้วยธรรมดับกิเลส)

จาก...


[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ ๙๑๒


(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ วันอาสาฬหบูชา ๒๒ ก.ค. ๒๕๕๖)

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร

[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ หน้าที่ ๙๑๒

[๔๒๙] โธตกมาณพ ได้ทูลถามปัญหาว่า

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ ขอทูลถามพระองค์

ขอพระองค์โปรดตรัสบอกข้อความนั้น แก่ข้าพระองค์เถิด ข้าแต่

พระองค์ผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ ข้าพระองค์ปรารถนาอย่างยิ่ง

ซึ่งพระวาจาของพระองค์ บุคคลได้ฟังพระสุรเสียงของพระองค์แล้ว

พึงศึกษาธรรมเป็นเครื่องดับกิเลสเพื่อตนเถิด

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพยากรณ์ว่า ดูกร โธตกะ

ถ้าเช่นนั้น ท่านจงมีปัญญารักษาตน มีสติกระทำ

ความเพียรในศาสนานี้เถิด บุคคลฟังเสียงจากปากของเรานี้แล้ว

พึงศึกษาธรรมเป็นเครื่องดับกิเลสเพื่อตนเถิด

โธตกมาณพ กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า

ข้าพระองค์ เห็นพระองค์ผู้เป็นพราหมณ์ หากังวลมิได้

ทรงยังพระกายให้เป็นไปอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก ข้าแต่พระองค์

ผู้มีพระจักษุรอบคอบ เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์ขอถวายบังคมพระองค์

ข้าแต่พระองค์ผู้ศากยะ ขอพระองค์จงทรงปลดเปลื้องข้าพระองค์

เสียจากความสงสัยเถิด

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า

ดูกร โธตกะ เราจักไม่อาจเพื่อจะปลดเปลื้องใครๆ

ผู้ยังมีความสงสัยในโลก ให้พ้นไปได้ ก็เมื่อท่านรู้ทั่วถึงธรรมอัน

ประเสริฐ จะข้ามโอฆะนี้ได้ ด้วยอาการอย่างนี้

โธตกมาณพ กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นพรหม ขอพระองค์จงทรงพระกรุณา

สั่งสอนธรรมเป็นที่สงัดกิเลส ที่ข้าพระองค์ควรจะรู้แจ้ง และขอพระองค์

ทรงพระกรุณาสั่งสอน ไม่ให้ข้าพระองค์ขัดข้องอยู่เหมือนอากาศเถิด

ข้าพระองค์อยู่ในที่นี้นี่แหละ จะพึงเป็นผู้ไม่อาศัยแอบอิงเที่ยวไป

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า

ดูกร โธตกะ เราจักแสดงธรรมเครื่องระงับกิเลสแก่ท่าน

ในธรรมที่เราได้เห็นแล้ว เป็นธรรมประจักษ์แก่ตน ที่บุคคลได้รู้แจ้งแล้ว

เป็นผู้มีสติพึงดำเนินข้ามตัณหาอันซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ในโลกเสียได้

โธตกมาณพ กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ ก็ข้าพระองค์ยินดี

อย่างยิ่ง ซึ่งธรรม เป็นเครื่องระงับกิเลสอันสูงสุด ที่บุคคลได้รู้แจ้งแล้ว

เป็นผู้มีสติ พึงดำเนินข้ามตัณหาอันซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ในโลกเสียได้

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า

ดูกร โธตกะ ท่านรู้ชัดซึ่งส่วนอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งใน

ส่วนเบื้องบน ทั้ง ในส่วนเบื้องต่ำ แม้ในส่วนเบื้องขวาง คือ ท่ามกลาง

ท่านรู้แจ้งสิ่งนั้นว่า เป็นเครื่องข้องอยู่ในโลกอย่างนี้แล้ว อย่าได้ทำตัณหา

เพื่อภพน้อยและภพใหญ่เลย.

จบโธตกมาณวกปัญหาที่ ๕

อรรถกถาโธตกสูตรที่ ๕

โธตกสูตร มีคำเริ่มต้นว่า ปุจฺฉามิ ตํ โธตกมาณพได้ทูลว่า

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ ดังนี้.

ในบทเหล่านั้น บทว่า วาจาภิกงฺขามิ คือข้าพระองค์ปรารถนาอย่างยิ่งซึ่ง

พระวาจาของพระองค์. บทว่า สิกฺเข นิพฺพานมตฺตโน พึงศึกษาธรรมเป็น

เครื่องดับกิเลสเพื่อตน คือ พึงศึกษาอธิศีลเป็นต้น เพื่อประโยชน์แก่การดับ

กิเลสมีราคะเป็นต้นเพื่อตน. บทว่า อิโต คือจากปากของเรา.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว โธตกมาณพมีความดีใจสรรเสริญ

พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทูลขอให้ปลดเปลื้องข้อสงสัย จึงกล่าวคาถานี้ว่า

ปสฺสามหํ ดังนี้เป็นต้น.

ในบทเหล่านั้น บทว่า ปสฺสามหํ เทวมนุสฺสโลเก คือ ข้าพระองค์เห็น

พระองค์ผู้เป็นพราหมณ์หากังวลมิได้ ทรงยังพระวรกายให้เป็นไปอยู่ในเทวโลก

และมนุษยโลก. บทว่า ตนฺตํ นมสฺสามิ คือ ข้าพระองค์ขอถวาย นมัสการพระองค์.

บทว่า ปมุญฺจ คือ ขอพระองค์จงทรงปลดเปลื้อง.

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงการปลดเปลื้องความสงสัย

อันเนื่องด้วยพระองค์ จึงตรัสพระคาถาว่า นาหํ ดังนี้เป็นต้น.

ในบทเหล่านั้น บทว่า นาหํ คมิสฺสามิ คือเราจักไม่มาถึง คือไม่ศึกษา

อธิบายว่า จักไม่พยายาม. บทว่า ปโมจนาย แปลว่าเพื่อปลดเปลื้อง.บทว่า

กถํกถึ คือความสงสัย. บทว่า ตเรสิ คือพึงข้าม.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว โธตกมาณพยิ่งดีใจหนักขึ้นสรรเสริญ

พระผู้มีพระภาคเจ้ายิ่งขึ้น เมื่อจะทูลขอให้สั่งสอน จึงกล่าวคาถาว่าอนุสาส

พฺรหฺเม ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นพรหม ขอพระองค์ทรงสั่งสอนเถิดดังนี้เป็นต้น.

ในบทเหล่านั้น บทว่า พฺรหฺเม นี้เป็นคำพูดที่ประเสริฐที่สุด. ด้วยเหตุนั้น

โธตกมาณพจึงทูลเรียกพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า อนุสาส พฺรหฺเมดังนี้. บทว่า

วิเวกธมฺมํ ธรรมเป็นเครื่องสงัดกิเลส ได้แก่ธรรมคือนิพพานเป็นเครื่องสงัด

สังขารทั้งปวง. บทว่า อพฺยาปชฺชมาโน ไม่ขัดข้องอยู่ คือไม่ขัดข้องมีประการ

ต่างๆ . บทว่า อิเธว สนฺโต คืออยู่ในที่นี้แหละ. บทว่า อสิโต แปลว่าไม่อาศัย.

สองคาถาจากนี้ไปมีนัยดังกล่าวแล้วในเมตตคูสูตรนั่นแล. มีต่างกันอย่างเดียว

คือในเมตตคูสูตรนั้นเป็น ธมฺมํ ในสูตรนี้เป็นสนฺติ. กึ่งคาถาก่อนในคาถาที่สาม

มีนัยดังกล่าวแล้วในเมตตคูสูตรนั้นเหมือนกัน. ในส่วนที่ผิดกันคือบทว่า สงฺโค

คือเป็นฐานะที่ข้องอยู่. อธิบายว่าเป็นเครื่องข้อง. บทที่เหลือในที่ทั้งปวงชัดดีแล้ว.

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงจบเทศนาแม้นี้ด้วยธรรมเป็นยอด คือพระอรหัต

ด้วยประการฉะนี้แล. เมื่อจบเทศนาได้มีผู้บรรลุพระอรหัตเช่นเดียวกับที่กล่าว

มาแล้วนั่นแล.

จบอรรถกถาโธตกสูตรที่ ๕



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 18 ส.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

โธตกปัญหา

(ว่าด้วยธรรมดับกิเลส)

โธตกมาณพกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า ปรารถนาที่จะฟังพระวาจาของ

พระองค์ซึ่งจะเป็นไปเพื่อศึกษาธรรมเพื่อดับกิเลสเพื่อตน

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ขอให้มีปัญญาเป็นเครื่องรักษาตน มีสติ

มีความเพียรในพระศาสนานี้โธตกมาณพได้กราบทูลต่อไป เพื่อให้พระองค์ทรง

ปลดเปลื้องความสงสัยของตน พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า เราไม่สามารถ

ปลดเปลื้องความสงสัยของใครได้ นอกจากผู้นั้นจะรู้ทั่วถึงธรรมแล้ว จึงจะ

สามารถข้ามโอฆะได้ ผู้รู้แจ้งธรรม มีสติ ก็สามารถข้ามพ้นตัณหาอันซ่านไป

ในอารมณ์ต่างๆ ได้.

(ตามข้อความที่ปรากฏในพระสูตร)

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

ตัณหา เรียกว่า วิสัตติกา

โอฆะ...?

กิเลสตัณหา

ที่ไม่พอ สำหรับเก็บ

การดับทุกข์อย่างแท้จริง

ผลของการฟังพระธรรม

ประโยชน์จริงๆ ของการฟังพระธรรม

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 2    โดย paderm  วันที่ 18 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และ ขออนุโมทนา ครับ


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 19 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 23 ส.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย Jans  วันที่ 24 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ