เหตุแห่งการกระทำกุศลกรรม
" กุศลเหตุ " ได้แก่ อโลภะ อโทสะ และอโมหะ
อโลภะ ได้แก่ ความไม่โลภ ไม่ติดข้องความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ คือการให้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น เช่น บริจาคเงินช่วยเหลือการกุศลต่างๆ ช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้อื่น
อโทสะ ได้แก่ ความมีเมตตา กรุณา เป็นสภาพธรรมที่ไม่คิดประทุษร้ายผู้อื่น
อโมหะ ได้แก่ ปัญญา คือ ความเข้าใจถูก ความเห็นถูก ในสภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง
พระพุทธองค์ทรงจำแนกหลักในการเจริญกุศลไว้ ๓ ประการ ได้แก่
๑. ทาน คือ กุศลจิตที่เป็นไปในการให้ เพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น ได้แก่ การบริจาควัตถุสิ่งของ นอกจากวัตถุทานแล้วยังมีทานในรูปแบบอื่นด้วย เช่น พูดแนะนำประโยชน์ ช่วยเหลือกิจการงานของผู้อื่น การให้อภัย เป็นต้น
๒. ศีล คือ ความประพฤติทางกาย วาจา ที่เรียบร้อยและสุจริต
๓. ภาวนา คือ การอบรมเจริญปัญญา ด้วยการหมั่นศึกษาพิจารณาคำสอนและหาเหตุผล ผู้มีปัญญามากต้องเป็นผู้ที่ฟังมาก อ่าน มาก หมั่นศึกษา พิจารณาตรึกตรองในเหตุผล และน้อมนำ พระธรรมมาประพฤติ ปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ในการอบรม ขัด เกลากิเลสของตน
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...
กรรมคำตอบของชีวิต
อ่านหนังสือ กรรม...คำตอบของชีวิต คลิก --> ที่นี่
ทานก็น้อย ศีลก็นิดหน่อย ปัญญาก็แทบไม่ค่อยมี อยากจะมีทุกอย่างให้มาก ก็ดูเหมือนไม่เป็นไปตามอยากนะค่ะ ครั้นนจะฟังให้มาก บุคคลที่ยังทำการงานเวลาฟังก็น้อย พอฟังก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ สติปัญญาก็แทบไม่เกิด แล้วสุคติจะเป็นที่หวังได้อย่างไร
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ