๑. เมื่ออกุศลเกิดแล้วเรารู้ทันมันจะเป็นกุศลหรือเปล่าครับ
๒. ถ้าเรานั่งเฉยๆ ๆ แบบว่าไม่ได้คิดอะไรเลย มันเป็นกุศลหรืออกุศลนะครับ
ควรทราบว่านามธรรมและรูปธรรมเกิดดับอย่างรวดเร็ว กุศลก็เช่นกัน เมื่อเกิดขึ้นแล้วตั้งอยู่ แล้วดับไป บังคับบัญชาไม่ได้ ขณะที่รู้ว่าจิตเป็นเป็นอกุศล ขณะนั้นจิตเป็นกุศลหรืออกุศลก็ได้ ขณะที่นั่งเฉยๆ จิตเป็นกุศลหรืออกุศลก็ได้ คือถ้าจิตไม่เป็นไปเรื่องทาน เรื่องศีล เรื่องภาวนา ขณะนั้นจิตเป็นอกุศล
ดังนั้น สภาพจิตของปุถุชนทั้งหลายโดยปกติแล้ว ชวนจิตย่อมเป็นอกุศลเสมอ เว้นไว้แต่ขณะที่ให้ทาน รักษาศีล หรือสมถภาวนา หรือวิปัสสนาภาวนา เท่านั้น ฉะนั้นควรฟังพระธรรมบ่อยๆ ขณะที่ตั้งใจฟังพระธรรมจิตย่อม สงบจากอกุศล
๑. ขณะที่เรารู้ทัน ขณะนั้นเป็น "ตัวเรา" เอง โดยส่วนใหญ่ที่คิดว่า เรารู้ทันอกุศลแล้ว แต่โดยความจริง เพียงชั่วเวลาแค่ลัดนิ้วมือเดียว (ขยับนิ้วเข้าหาฝ่ามือ) จิตก็เกิดดับไปเป็นแสนโกฏิขณะคือ นับขณะจิตได้ไม่ถ้วนเลยครับ
๒. ความจริง คือ จิตที่คิดเกิดดับ สลับกับการรับรู้อารมณ์ทางทวารต่างๆ อย่างรวดเร็วมาก (ดังเปรียบเทียบไว้ในข้อ 1.) เพราะฉะนั้นที่บอกว่าเรานั่งเฉยๆ แล้วไม่คิดนั้น เป็นไปไม่ได้ครับ การคิดมีทั้งที่คิดเป็นคำจากเสียงที่ได้ยิน คิดเป็นรูปร่างสัณฐานของสิ่งที่เห็นทางตา คิดถึงความรู้สึกที่เคยจำได้เกี่ยวกับสิ่งที่เห็น หรือเสียงที่ได้ยินนั้นก็ได้ ฯลฯ เหตุนี้การ "คิด" ในความเข้าใจเดิมๆ ของเรา กับ "คิด" ที่เป็นสภาพธรรมะทางใจที่มีจริงมีความแตกต่างกัน ในทางพระพุทธศาสนา ความคิดแต่ละขณะที่เกิดขึ้น ล้วนมีเหตุปัจจัย จากกุศลบ้าง อกุศลบ้าง ที่คิดตรึกไปในอารมณ์ต่างๆ แล้วก็ดับ จึงไม่มีใครมีอำนาจจะบังคับบัญชา การเกิดของความคิดได้ รวมทั้งเปลี่ยนสภาพที่คิดให้เป็นสภาพเห็น ได้ยิน กระทบสัมผัส ไม่ได้เช่นกันครับ
เชิญคลิกฟังครับ --->
รู้บ้างไหมว่าจิตกำลังคิด
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ