ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สนทนาธรรม ณ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาในวันอาทิตย์ที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ (ถอดเทปบันทึกเสียง โดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล)
"ทุกอย่าง เป็น ธรรมะ" หมายความว่า สิ่งนั้น "ต้องมีลักษณะ" ธรรมะ แต่ละอย่างๆ "ต้องมีลักษณะเฉพาะ" ธรรมะ แต่ละอย่างๆ มีลักษณะเฉพาะตนๆ และ ไม่ใช่ของใคร
สิ่งใด "มีลักษณะ" สิ่งนั้นเป็น "ธรรมะ" ในขณะนี้ ก็มีลักษณะของธรรมะ เห็น ก็มีลักษณะอย่างหนึ่ง ซึ่งต่างจาก ได้ยิน ซึ่งมีลักษณะอีอย่างหนึ่ง คิดนึก ก็มีลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งต่างจาก เห็น และ ได้ยิน
ถ้าจะเป็น "ความเข้าใจ" จริงๆ ว่า "ทุกอย่างเป็นธรรมะ" หมายความว่า ขณะนี้ การเห็น มีจริง เพราะฉะนั้น การเห็น เป็น ธรรมะ ขณะนี้ ได้ยิน มีจริง เพราะฉะนั้น ได้ยิน เป็น ธรรมะ
สิ่งที่มีจริง เกิดขึ้น ปรากฏ มีลักษณะ คือ "ธรรมะ"
เริ่มเข้าใจ ว่า "ทุกอย่างเป็นธรรมะ" ก็เพราะ รู้ "ลักษณะเฉพาะ" ของธรรมะต่างๆ ที่กำลังปรากฏ แต่ละอย่างๆ และ "ธรรมะ" ก็มีหลากหลายมาก ในชีวิตประจำวัน
"ธรรม" เมื่อเกิด ก็ต้องดับ ไม่มีใคร สามารถบังคับบัญชาได้ ขณะที่ "ธรรมะ" กำลังปรากฏ และ สามารถเข้าใจ ลักษณะเฉพาะ ที่กำลังปรากฏ แต่ละอย่างๆ ขณะนั้น กำลังเข้าใจ "ธรรมะ"
ขออนุโมทนา
คำว่า "ที่กำลังปรากฎ" ต้องเป็นปัจจุบันจริงๆ เท่านั้นนะครับ ไม่ใช่แบบว่า เอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู แล้วรู้ล่วงหน้าแล้วว่า จะปรากฏ "แข็ง" ที่มือ หรือ เอามือจับลูกบิดไปแล้ว แล้วค่อยรู้ว่า อ๋อ นี่คือ "แข็ง" หรือ "แข็ง" คือแบบนี้นี่เอง
แล้วขณะนั้นก็ ไม่ต้องคิดอะไรเลย ไม่มีแม้แต่ "บัญญัติ ใดๆ " เพราะคำว่า "แข็ง" นี้คือ สภาพแข็ง ที่เรารับรู้ทางกาย มันคือความรู้สึกถึงการสัมผัส และ เป็นการระลึกรู้ว่าทันทีที่มือกระทบวัตถุ ไม่มีคิด ไม่มีอารมณ์
ขออนุโมทนา ทุกดวงจิตผู้ใกล้พระธรรม
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ